ปล่อยตัวบาบอเจ้าของปอเนาะมายอที่ถูกบุกค้น กอ.รมน.ยันปฏิบัติตามกฎหมาย
ฝ่ายทหารได้ปล่อยตัวเจ้าของสถาบันศึกษาปอเนาะในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี แล้ว หลังจากถูกเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้น และควบคุมตัวเจ้าของสถาบันฯ นักเรียนปอเนาะ รวมทั้งบุคคลต้องสงสัยที่เป็นชาวต่างด้าวทั้งหมด 13 คน พร้อมส่งเข้ากระบวนการซักถาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา
"ทีมข่าวอิศรา" ได้รับคำยืนยันจากภรรยาบาบอ เจ้าของสถาบันศึกษาปอเนาะว่า เมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ 30 มกราคม บอบาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าถูกดำเนินคดีให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าวตามที่โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงข่าวในช่วงสายวันเดียวกันหรือไม่
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องเปิดแถลงข่าวใหญ่ต่อสื่อมวลชน ชี้แจงปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคงที่เข้าตรวจค้นปอเนาะแห่งหนึ่งในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี และควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยเอาไว้ 13 คน หลังจากมีกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ส่อละเมิดสิทธิมนุษยชน และอาจจะมีเจตนาให้ร้ายสถาบันศึกษาปอเนาะ เนื่องจากมีการปล่อยภาพขณะจับกุม มีการถอดเสื้อ มัดมือไพล่หลังบุคคลต้องสงสัยบางคน แล้วให้นอนราบคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธครบมือที่ยืนรายล้อมอยู่หลายนาย
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า สาเหตุของการเข้าตรวจค้นปอเนาะแห่งนี้ เพราะได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวภาคประชาชนว่า มีความผิดปกติภายในปอเนาะ โดยมีบุคคลต้องสงสัยมีพฤติกรรมคล้ายฝึกการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ในช่วงดึกของทุกคืน ห้วงเวลาประมาณ 22.30 – 22.45 น. บริเวณด้านหลังปอเนาะ ซึ่งไม่ใช่ห้วงเวลาและท่าทางเหมือนการออกกำลังกายของบุคคลทั่วไป แต่คล้ายกับการฝึกของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคยถูกควบคุมตัวได้ในอดีต
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงส่งกำลังเข้าตรวจสอบ และเฝ้าสังเกตมาแล้วหลายครั้ง พบพฤติกรรมคล้ายที่รับแจ้งจริง จึงได้บันทึกภาพวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจัดกำลังเข้าควบคุมตัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบและซักถามในเบื้องต้น พบว่าบุคคลต้องสงสัยเป็นชาวต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 11 คน อายุระหว่าง 16-26 ปี หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากหนังสือเดินทางหมด ขณะที่บางคนไม่มีหนังสือเดินทาง แต่กลับเข้าไปพักอาศัยและเรียนศาสนาในโรงเรียนปอเนาะ จึงถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ส่วนนักเรียนปอเนาะอีก 1 คนไม่พบความผิดปกติ จึงได้ส่งบุคคลต้องสงสัยไปเข้ากระบวนการซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และบางส่วนส่งตัวไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปัตตานี
"คนเหล่านี้มีความผิดตามกฎหมายฐานหลบหนีเข้าเมือง หนังสือเดินทางขาดอายุ และไม่มีหนังสือเดินทาง ต้องถูกดำเนินคดีแล้วส่งตัวกลับประเทศ" โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ
ในส่วนของพฤติกรรมการฝึกการต่อสู้ด้วยมือเปล่า พ.อ.ปราโมทย์ บอกว่า บุคคลที่ถูกควบคุมตัวให้การว่าเป็นการออกกำลังกาย จึงต้องมีการตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ เนื่องจากโดยวิสัยแล้ว เวลาออกกำลังกายในช่วง 5 ทุ่ม เทียงคืน เป็นเรื่องผิดปกติ
"เป็นลักษณะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่ใช่ท่าออกกำลังกาย จึงเป็นที่สงสัยว่าจะมีการฝึก ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าไปตรวจสอบ ส่วนความเชื่อมโยงกับคดีความมั่นคง ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เราจะดำเนินการตามข้อเท็จจริงเท่านั้น" พ.อ.ปราโมทย์ ย้ำ
สำหรับเจ้าของสถาบันศึกษาปอเนาะ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บอกว่า จะมีความผิดฐานรับบุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และความผิดรับบุคคลต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าเมือง ไม่มีหนังสือเดินทางเข้าพักอาศัย ซึ่งจะมีความผิดฐานให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
"ยืนยันว่าได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนของกฎหมายด้วยความระมัดระวัง โดยไม่มีเจตนากลั่นแกล้งหรือมีอคติกับโรงเรียนปอเนาะตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต ฉะนั้นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์จึงไม่ควรด่วนสรุปความบริสุทธิ์แทนผู้ถูกควบคุมตัว และก่อนจะแสดงความคิดเห็น ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพราะมิฉะนั้นจะเข้าข่ายเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริง"
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า มีความพยายามปล่อยข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่จะปูพรมเข้ากวาดล้างจับกุมทุกปอเนาะ ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนเกิดความหวาดกลัว จึงขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โรงเรียนปอเนาะส่วนใหญ่ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ และขอความร่วมมืออย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ขอยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการเฉพาะผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น ไม่ว่าจะเชื่อมโยงกับความมั่นคง หรือให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าว จะใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถส่งลูกหลานไปเรียนปอเนาะได้ตามปกติ เพราะปอเนาะไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย
ด้านภรรยาของบาบอเจ้าของปอเนาะ บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ก่อนปฏิบัติการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจค้นปอเนาะมาแล้ว 2 ครั้ง และเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาถ่ายรูปชาวกัมพูชากลุ่มนี้แล้ว กระทั่งเข้ามาอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม ก็จับชาวกัมพูชาทั้งหมดไป 11 คน รวมทั้งบาบอและเด็กปอเนาะอีก 1 คน
"เจ้าหน้าที่บอกว่าชาวกัมพูชากระทำผิดกฎหมาย เรายอมรับ แต่ที่รู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ทำไมไม่มีการเข้ามาพูดคุยหรือสอบถามกันก่อน เจ้าหน้าที่ก็รู้จักบาบอเป็นอย่างดี เมื่อสงสัยทำไมไม่มาถาม แต่พอเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกได้เลยว่าไม่เป็นธรรม แต่ก็ยอมรับกับความผิดที่ให้ที่อยู่กับนักเรียนกัมพูชา" ภรรยาเจ้าของปอเนาะ กล่าว