7 พรรค โชว์นโยบาย ศก. รับเลือกตั้ง -ปชป.ฝันเห็นดัชนีหุ้นแตะ 2,500 จุด
7 พรรค โชว์นโยบายเศรษฐกิจ-ตลาดทุน ในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังรบ.เลือกตั้ง 'ปชป.'ฝันเห็นดัชนีตลาดหุ้นแตะ 2,500 จุด เกิดตลาดขายสินทรัพย์ ในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี ด้าน ‘ชาติพัฒนา’ หนุนอุตฯ เกษตร-ท่องเที่ยว เป็นโครงสร้างหลักขับเคลื่อนเม็ดเงิน
วันที่ 25 ม.ค. 2562 สภาธุรกิจตลาดทุนแห่งประเทศไทย จัดสัมมนา เรื่อง นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง ณ หอประชุม ศ.สังเวียน อินทรชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาให้ความสำคัญกับเรื่องความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มีฐานะรายได้ต่ำ ได้แก่ 1. เกษตรกร ทำอย่างไรให้ลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งพรรคฯ มีนโยบายด้านเกษตรที่ทำให้รายได้สูงขึ้นในอนาคต, 2.มนุษย์เงินเดือน รัฐบาลไม่ค่อยพูดถึง เพราะเห็นมีรายได้และกระทรวงแรงงานดูแล แต่ความจริงไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องมาคุยกันว่า ทำอย่างไรให้เจริญเติบโตขึ้นมาได้ และ 3.ผู้สูงอายุ รัฐบาลกำลังงงว่าจะดูแลคนกลุ่มนี้อย่างไร ซึ่งเมื่อใดที่ประเทศไทยลดความเหลื่อมล้ำ โดยยกระดับชีวิตคนใน 3 กลุ่ม ข้างต้นได้ อนาคต เศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่นอน
ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจใน 2 ด้าน คือ ด้านมหภาค ต้องยอมรับมีความผันผวนจากตัวแปรที่มากระทบเศรษฐกิจอยู่มาก ฉะนั้นจึงอยากเห็นอีก 4 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่อง แต่วันนี้ทำอย่างไรให้เติบโตบนพื้นฐานความเข้มแข็ง ซึ่งจะต้องมองไปถึงเรื่องวินัยการเงินการคลัง หนี และปัญหาความเหลื่อมล้ำ
“เศรษฐกิจหลักที่ต้องให้ความสำคัญ คือ อุตสาหกรรมเกษตรและการท่องเที่ยว ต้องยึดสองประการนี้เป็นโครงสร้างเศรษฐกิจหลักของประเทศ นอกจากนั้นเกี่ยวกับโครงการใหญ่ ๆ จะต้องสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเยอะ ๆ จะได้ช่วยลดภาระการลงทุน และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาดำเนินธุรกิจ ซึ่งต้องมองอย่างจริงจัง เพื่อลดความเสี่ยง”
ส่วนเศรษฐกิจรากหญ้านั้น ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ระบุทำอย่างไรให้ทุกคนในประเทศได้ผลพวงจากเศรษฐกิจทัดเทียมกัน จึงต้องมีนโยบายไปช่วยภาคเกษตร เอสเอ็มอี อย่างจริงจัง จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงอนาคตไทยต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนของเทคโนโลยีที่เข้ามา ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังรู้สึกน้อย ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ จะเห็นว่า ปัจจุบันธนาคารปิดสาขาจำนวนมาก เพราะเทคโนโลยี ถ้าไม่ปรับตัวจะเป็นปัญหาของประเทศ ดังนั้น ทำอย่างไรให้ก้าวทันโลก และก้าวไปก่อนหน้าโลก กำหนดอนาคตตนเอง นโยบายต่าง ๆ แนวคิดใหม่ๆ แม้จะแปลก แต่เป็นความคิดล่วงหน้า ยกตัวอย่าง นโยบายแจกแท็บเล็ตในอดีต และอยากเห็นไทยรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ยกเว้นการเก็บภาษีผู้เกษียณอายุไปแล้ว และขับเคลื่อนให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียนอีกครั้ง เพื่อความเจริญก้าวหน้า
ฝ่ายนายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า อนาคตอยากเห็นดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 2,500 จุด เพื่อให้เห็นถึงความสำเร็จในหลายด้าน และต้องให้ตลาดทุนมีสัดส่วนรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่มาจากการค้ากับต่างประเทศสูงขึ้น ภายใน 4 ปี เกินร้อยละ 50 ให้ได้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสบความสำเร็จในการปรับตัว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเองค้าขายกับต่างประเทศไทย
นอกจากนี้ อยากเห็นสัดส่วนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากินกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น และหากดูรายชื่อบริษัทจะเห็นว่า จำนวนมากเป็นหุ้นของบริษัทมีอำนาจผูกขาด สัมปทาน อาศัยใบอนุญาต หรือรัฐวิสาหกิจ ดังนั้น ต้องไม่มีบริษัทเหล่านี้ที่ผูกขาดสร้างรายได้ให้กับตนเอง รวมถึงต้องเพิ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ แห่งที่ 2 นั่นคือ ตลาดขายสินทรัพย์ ในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงและระดมทุนได้
ด้าน ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า โลกกำลังหมุนไป เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยพลวัต เทคโนโลยีสำคัญ วิถีชีวิตคนเปลี่ยน เราจะทำอย่างไรเลือกทางเดินไป เป็นทางเลือกที่ในไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนที่ผ่านมา และครอบคลุมทั่วถึงทุกภาคส่วนในทุกมิติ
ขณะที่ตลาดทุน มองไปข้างหน้า ถือว่าเป็น 4 ปี แห่งการปรับเปลี่ยนประเทศ ดังนั้นอยากเห็นตลาดทุนของคนไทยทั้งหมดมากขึ้น และกว้างขวางขึ้น เพราะตลาดทุนคือคลังสมองของประเทศ ความสามารถความสร้างสรรค์อยู่ที่นี่ อยากเห็นพวกเรามาร่วมกันปลดปล่อยศักยภาพพัฒนาองค์รวมให้เกิดขึ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะที่ไทยกำลังเสียสมดุลในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายรายได้ จนทำให้ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ในหลายครั้งในอดีต การเสียสมดุลเกิดขึ้นไม่ใช่ด้านมหภาคก็ดี เช่น เราเคยมีระบบคมนาคมขนส่งที่มีระบบรางชั้นนำของภูมิภาค แต่เพียงไม่นาน ลงทุนสร้างถนน ทำให้ระบบรางที่มีประสิทธิภาพหายไป ทำให้การเสียสมดุลการขนส่งเกิดขึ้น เกิดภาวะแพง มลภาวะในปัจจุบัน ดังนั้น ฝากแนวคิดว่า ความมีสมดุล จึงเป็นสิ่งสำคัญ
สุดท้าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง ดังนั้นต้องทำเศรษฐกิจให้ดี มาจากการที่ผู้คนทั่วประเทศสามารถทำมาหากินเลี้ยงปากท้องของตนเองได้ ตามสถานะของแต่ละคน รัฐต้องกำหนดนโยบายทำให้ทุกชนชั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสถานะของตนเอง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยได้มาก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/