โชว์มติ สศช.เบรกทอท.สร้างอาคารสุวรรณภูมิทิศตะวันตก6.6พันล.-ให้เร่งทำงานตามแผนเดิมก่อน
ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน โพสต์เฟซบุ๊กโชว์มติ สศช. เบรกทอท.สร้างส่วนต่อขยายอาคารสุวรรณภูมิทิศตะวันตก 6.6 พันล. ให้เร่งกลับไปทำงานทิศตะวันออกตามเดิมก่อน แนะใช้กลไกสัญญาปัญหาพื้นที่เชิงพาณิชย์แก้ไขความแออัด พร้อมสั่งทบทวนแผนแม่บทใหม่ดูความเหมาะสมปริมาณผู้โดยสาย คำนึงถึงบริบทการพัฒนาประเทศเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 20 ปี - ส่วนงบทางวิ่งเส้นที่ 3 โดนหั่นเพิ่ม 622 ล.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงเช้าวันที่ 24 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน ได้โพสต์หนังสือสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่แจ้งผลมติคณะกรรมการ สศช. ที่พิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก เป็นงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีงบประมาณ 2554-2560 วงเงินรวม 6,650.426 ล้านบาท ต่อปลัดกระทรวงคมนาคม ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า M.L. Chainimit Navarat
โดย สศช. มีมติเห็นควรให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามมติครม.เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2553 ไปก่อน เนื่องจากมีความพร้อมที่จะดำเนินงานเพื่อบรรเทาปัญหาความแออัดของอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยใช้กลไกของสัญญาในการแก้ไขปัญหาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในพื้นที่ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกเพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามเป้าหมายของแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี 2546 เพราะหากจะดำเนินการงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกตามที่เสนอ จะทำให้ ทอท.ต้องใช้เวลาในการจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามขั้นตอน ซึ่งอาจจะทำให้แผ่นการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกล่าช้ากว่าที่คาคการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี สศช. เห็นควรให้ ทอท. เร่งจัดเตรียมโครงการงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกให้มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อครม. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งเร่งจัดทำรายงานการวิเคราะผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่าอากาศยานสุวรรภูมิมีขีดความสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ 75 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเห็นควรให้ยึดกรอบวงเงินลงทุนค่างานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก 6,650.426 ล้านบาท ตามที่เสนอในครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ สศช. ยังมีความเห็นว่า สำหรับแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฉบับกันยายน ปี 2561 ที่นำเสนอมาครั้งนี้ เพิ่มเป้าหมายการพัฒนาเพื่อรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดจาก 120 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี ในปี 2578 ทำให้ มีการกำหนดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในท่าอากาศยานเพิ่มเติม คือ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ขณะที่แผนแม่บทปี 2561 คาดว่าในปี 2578 จะมีปริมาณผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 120.6 ล้านคนซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานฯ ตามแผนแม่บทฯ ปี 2561 นอกจากนี้ แผนแม่บทฯ ดังกล่าว ยังไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะ 20 ปี อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการพัฒนาท่าอากาศยานของประเทศในภาพรวมด้วย
เบื้องต้น สศช. จึงเห็นควรให้ทอท. ดำเนินการประสานกระทรวงคมนาคม เพื่อร่วมกันพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของปริมาณผู้โดยสาย โดยคำนึงถึงบริบทการพัฒนาประเทศในอนาคต เพื่อใช้ในการกำหนดกรอบการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนภายใต้แผนแม่บทเป็นไปอย่างคุ้มค่า และสามารถรักษาระดับการให้บริหารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งในระยะสิ้นและระยะยาวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วย
ส่วนงานโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นั้น สศช. เห็นชอบในหลักการที่ตามกระทรวงคมนาคมเสนอ แต่เห็นควรปรับลดวงเงินค่างานก่อสร้างสวนต่อขยาย Taxiway B2 วงเงิน 622.311 บาท ทำให้วงเงินลงทุนของโครงการ ปรับลดเป็น 21,795.941.ล้านบาท แต่ ทอท. จะสามารถลงนามผูกพันในสัญญาก่อสร้างโครงการฯ ได้ เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว (ดูเอกสารประกอบ)
ขณะที่ ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน ได้แสดงความเห็นส่วนตัวประกอบในโพสต์นี้ ว่า "ข่าวดีของผมที่ได้รับเช้านี้ครับ เป็นการปิดภารกิจอย่างสมบูรณ์"
ม.ล.ชัยนิมิตร ยังกล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศราเพิ่มเติมว่า สรุปความเห็นของ สศช. ในเรื่องนี้ คือ สภาพัฒน์ไม่อนุมัติให้สร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่สองทางทิศตะวันตก แต่ให้สร้างตามแผนเดิม และให้กลับไปทำตามแผนเดิมที่เคยอนุมัติไว้แล้ว คือ ขยายสองข้างของอาคารเดิม เพื่อเสริมอาคารsatelliteที่กำลังสร้าง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/