CNN ตีแผ่แค่ตั้งด่านหารายได้-เหตุไทยยังครองแชมป์ตายบนถนน
"...อุปสรรคสำคัญที่เป็นตัวขัดขวางการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทยนั่นคือ การไม่บังคับใช้กฎหมายและกฎจราจรอย่างจริงจัง..."
ในปี 2561 ที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องการเสียชีวิตบนท้องถนนในประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงอย่างมากโดยองค์การอนามัยโลกพบว่า ตัวเลขการเสียชีวิตในประเทศไทยนั้นสูงเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้ประเทศไทยจะได้มีการออกมาตรการเพื่อเฝ้าระวังการเสียชีวิตโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือ 7 วันอันตรายแต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงพุ่งสูงและพบว่าตัวเลขในช่วงเวลาอื่นก็มีจำนวนไม่ต่างกันมากนัก
ในส่วนของมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทยยังคงเป็นที่จับตามองจากต่างชาติถึงความมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าว CNN ได้ตีแผ่สาเหตุหลักของการเสียชีวิตว่ามาจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของตำรวจจราจร ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร
ตามที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนรายงานจำนวนยอดผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2561 ถึง 2 ม.ค. 2562 มีจำนวนรวมทั้งหมด 463 รายจากจำนวนอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง สาเหตุมาจากเมาแล้วขับร้อยละ 41.5% และอีก 28% มาจากการขับขี่ด้วยความเร็วเกินกำหนด ซึ่งยอดรวมผู้เสียชีวิตใกล้เคียงกับปี 2561 คือ 423 รายนั้น รายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนประจำปี 2561 ขององค์การอนามัยโลกได้ประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยเป็นจำนวน 22,941 รายต่อปี ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจากตัวเลขดังกล่าวเท่ากับมีผู้เสียชีวิตนับเป็น 62 รายต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นรายวันในช่วง 7 วันอันตรายคิดเป็น 66 รายต่อวันก็จะเห็นได้ว่า ต่างกันไม่มากนัก โดยร้อยละ 73 ของผู้เสียชีวิตนั้นเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อันเป็นรูปแบบการเดินทางที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้ สำนักข่าว CNN วิเคราะห์ว่า อุปสรรคสำคัญที่เป็นตัวขัดขวางการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทยนั่นคือ การไม่บังคับใช้กฎหมายและกฎจราจรอย่างจริงจัง
ถึงแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตำรวจจราจรจะได้มีการตรวจตราและมีติดป้ายเตือนให้ผู้ขับขี่จักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าในหลายพื้นที่ การตรวจตราของตำรวจจราจรนั้นเป็นเพียงช่องทางในการหารายได้มากกว่าเพื่อความปลอดภัย ดังเช่นในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติว่า หากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกเรียกโดยตำรวจจราจรเนื่องจากไม่มีใบขับขี่หรือไม่สวมหมวกนิรภัยและได้ชำระ"ค่าปรับ"แล้ว ผู้นั้นก็สามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ต่อไปได้ตามปกติ
ปรากฎตามรายงานขององค์การอนามัยโลกว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพียงครึ่งเดียวและร้อยละ 20 ของผู้นั่งท้ายเท่านั้นที่สวมใส่หมวกนิรภัย นอกจากนั้นร้อยละ 58 ของผู้โดยสารรถยนต์เท่านั้นที่คาดเข็มขัดนิรภัย ถึงแม้ตัวเลขตัวกล่าวจะมีพัฒนาการที่มากขึ้นในแต่ละปี แต่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า หากผู้ขับขี่ทุกคนสวมหมวกนิรภัยก็จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตไปได้ถึงร้อยละ 40
นายนิกร จำนง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เราต้องเปลี่ยนพันธุกรรมความคิดของประเทศและสำนึกในการปฏิบัติตามกฎหมาย กุญแจสำคัญคือการสอนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัจจุบันเรามีกฎหมายที่ครอบคลุมแต่ความสำคัญอยู่ที่การบังคับใช้
อย่างไรก็ตาม ปรากฎตามรายงานฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลกว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการไปในทางที่ดีจากยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตร้อยละ 36.2 ต่อจำนวนประชากรหนึ่งแสนคนในปี 2558 ลดลงเหลือร้อยละ 32.7 ต่อจำนวนประชากรหนึ่งแสนคน
นอกจากประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว ในประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำก็มีความเสี่ยงในเรื่องการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากกว่าถึงสามเท่า
ในขณะเดียวกัน พูลิตเซอร์ เซ็นเตอร์ ได้ยกให้อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นหนึ่งในแปดสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนทุกเพศทุกวัย นำหน้าการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์และวัณโรค โดยยอดรวมผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจากทั้งโลกในปี 2559 นั้นเป็นจำนวนถึง 1.35 ล้านราย
นายไมเคิล อาร์ บลูมเบิร์ก (Michael R. Bloomberg) ในฐานะทูตองค์การอนามัยโลกในเรื่องโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บ (WHO Global Ambassador for Noncommunicable Diseases and Injuries) ได้กล่าวว่า เราทุกคนทราบดีว่าการป้องกันที่จะได้ผลคือ นโยบายที่เข้มแข็งและการบังคับใช้ การออกแบบถนนให้ถูกหลัก และความตระหนักรู้ของทุกคนจะช่วยชีวิตคนได้เป็นหลายล้านในอีกหลายปีข้างหน้า
ปรากฎตามรายงานขององค์การอนามัยโลกว่า ขณะนี้ในหลายประเทศมีพัฒนาการในทางที่ดีเช่นการออกกฎมาย แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะสำเร็จตามเป้าที่องค์การอนามัยโลกตั้งไว้สำหรับช่วงปี 2559 ถึง 2563
ที่มา: https://edition.cnn.com/2019/01/03/asia/thailand-road-deaths-new-year-intl/index.html?sr=LINECNN022718undefined1052AMStory
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก CNN