ยุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร - โอนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปอยู่องค์การสวนสัตว์
ครม.ไฟเขียว ยุบสำนักงานพัฒนาพิงคนคร และโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้าง- เงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 มกราคม 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ให้โอนศูนย์ประชุมฯ ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (สพค.) และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ในส่วนของศูนย์ประชุมฯ ไปเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (กค.) และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์ประชุมฯ ตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครกำหนด พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561
3. ให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีซึ่งเป็นของ สพค. และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ของ สพค. ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้เจ้าหน้าที่ของ สพค. ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของ สพค. เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง และได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้ สพค. มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
4. การคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานของ สพค. เพื่อไปปฏิบัติงานเป็นบุคลากรของกรมธนารักษ์ กค. หรือองค์การสวนสัตว์ ทส. ให้กรมธนารักษ์ กค. หรือองค์การสวนสัตว์ ทส. ทำความตกลงกับ สพค. เกี่ยวกับเงินเดือนหรือค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของบุคลลากรนั้น และอาจตกลงกันให้นับเวลาการทำงานต่อเนื่องจากการปฏิบัติงานใน สพค. ได้
5. เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 2. และข้อ 3. แล้ว ให้ถือว่าการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ สพค. ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2556 เสร็จสิ้นลงแล้ว และให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ดำเนินการตามมาตรา 44 (2) แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 โดยประกาศยุติการดำเนินการของ สพค. ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ให้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2556 เป็นอันยกเลิก
6. ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) เสนอให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชี รวมทั้งการโอนหรือการจำหน่ายทรัพย์สินที่ยังคงเหลืออยู่และการจัดการเกี่ยวกับบุคลากรซึ่งยังคงเหลืออยู่ของ สพค. ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานพัฒนาพิงคนครฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2556 มีจุดมุ่งหมายในการพีฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ที่เชื่อมโยงหรือต่อเนื่องกับเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยวกับทั้งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้มีการควบรวมและโอนกิจการโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) และศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ จากสำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาฯ มาอยู่ภายใต้การบริหารของสพค. โดยปี 2560 มีจำนวนพนักงาน 388 อัตรา