ทำความเข้าใจช่องทางถอด กก.ป.ป.ช. ปมตีตกคดีนาฬิกาหรู-‘พรเพชร’ตัวแปรสำคัญ?
“…เงื่อนไขต่อมา นับเป็นเงื่อนไขที่ค่อนข้างลำบาก และท้าทายเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ นายพรเพชร ในฐานะประธานรัฐสภา จะต้องใช้ดุลพินิจว่า การกล่าวหาดังกล่าวมีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ อย่างไร หากมีเหตุอันควรสงสัย ก็จะปลดล็อคไปสู่เงื่อนไขสุดท้ายคือ ยื่นเรื่องส่งให้ประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระดำเนินการต่อไป แต่ถ้านายพรเพชร ใช้ดุลพินิจพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรสงสัย ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ต่อได้ และเรื่องก็คงจบลงเพียงเท่านี้…”
เรื่อง ‘นาฬิกาหรู’ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังคงไม่จบง่าย ?
แม้ว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 ให้ตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันข้อเท็จจริงว่า ‘บิ๊กป้อม’ ยืมนาฬิกาหรูมาจากเพื่อนจริง แต่ยังเหลือกรณีตีความว่า การยืมนาฬิกาหรูจากเพื่อนดังกล่าว เข้าข่ายรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาทหรือไม่ โดยประเด็นนี้คณะทำงานอีกชุดหนึ่งกำลังแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่ (อ่านประกอบ : ยืมเพื่อนไม่ผิด! ป.ป.ช.มติ 5 ต่อ 3 ตีตกคดีนาฬิกาหรู'บิ๊กป้อม')
อย่างไรก็ดีด้วยมติดังกล่าวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้หลายฝ่ายในสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด โดยเฉพาะ 2 ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้แก่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น และนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
นายศรีสุวรรณ อยู่ระหว่างล่า 2 หมื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. 5 รายเสียงข้างมากที่ให้ตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ (อ่านประกอบ : 'ศรีสุวรรณ'ล่า 2 หมื่นชื่อชงถอดถอน 5 กก.ป.ป.ช.ข้างมากตีตกคดีนาฬิกา'บิ๊กป้อม')
ฝ่าย ป.ป.ช. ดูเหมือนจะไม่ยี่หระประเด็นนี้นัก นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาการันตีมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องนี้อีกครั้งว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและกฎหมาย ลั่นวลี ‘เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของ ป.ป.ช. เอง’ (อ่านประกอบ : เวลาจะพิสูจน์เอง! เลขาฯ ป.ป.ช.ไม่ห้ามคนวิจารณ์-ล่าชื่อถอด กก.คดีนาฬิกาหรู)
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ การล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ทำอย่างไร ช่องทางไหนบ้าง ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พลิกข้อกฎหมายสรุปให้ทราบดังนี้
ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 45 ระบุว่า ส.ส. ส.ว. หรือสมาชิกทั้งสองสภา จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
การกล่าวหาตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการเข้าชื่อกล่าวหาว่า กรรมการและบุคคลอื่นเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดทางอาญา รวมทั้งผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่กรรมการ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ด้วย
อธิบายโดยสรุปสำหรับวิธีการยื่นถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. คือ เงื่อนไขแรก นายศรีสุวรรณ ต้องล่ารายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน พร้อมพยานหลักฐานตามสมควร ยื่นเรื่องให้แก่ประธานรัฐสภา (ขณะนี้คือนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)
เงื่อนไขต่อมา นับเป็นเงื่อนไขที่ค่อนข้างลำบาก และท้าทายเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ นายพรเพชร ในฐานะประธานรัฐสภา จะต้องใช้ดุลพินิจว่า การกล่าวหาดังกล่าวมีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ อย่างไร หากมีเหตุอันควรสงสัย ก็จะปลดล็อคไปสู่เงื่อนไขสุดท้ายคือ ยื่นเรื่องส่งให้ประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระดำเนินการต่อไป
แต่ถ้านายพรเพชร ใช้ดุลพินิจพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรสงสัย ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ต่อได้ และเรื่องก็คงจบลงเพียงเท่านี้
ดังนั้นตัวแปรสำคัญสำหรับช่องทางนี้ นอกเหนือจาก 2 หมื่นรายชื่อ และพยานหลักฐานที่ต้องรัดกุมแล้ว ยังต้องหวังพึ่งดุลพินิจของประธานรัฐสภา คือนายพรเพชร ด้วย ?
อย่างไรก็ดียังมีอีกช่องทางหนึ่ง ที่นายศรีสุวรรณ และนายวีระ ในฐานะผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ยังสามารถเดินต่อไปได้ นั่นคือ ตามมาตรา 49 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีการกล่าวหาหรือไม่ ให้เลขาธิการหรือผู้ที่เลขาธิการมอบหมายตรวจสอบเบื้องต้นก่อนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่ามีข้อมูลหรือรายละเอียดไม่เพียงพอที่จะดำเนินการต่อไป หรือความผิดกล่าวหานั้นไม่ได้อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไว้พิจารณา ให้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไม่รับเรื่องดังกล่าว และเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งไม่รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าเป็นกรณีที่มีคำกล่าวหา ให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้กล่าวหาทราบ
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่ง หรือหลายคนเป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้
ผู้กล่าวหาซึ่งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่รับเรื่องไว้พิจารณาของกรรมการตามวรรคสอง อาจมีหนังสือขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาทบทวนคำสั่งนั้นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามวรรคสอง
อธิบายโดยสรุปสำหรับมาตรา 49 คือ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องที่แสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นไม่มีมูล และให้ข้อกล่าวหาตกไป จะต้องแจ้งให้ผู้กล่าวหาทราบ และสามารถยื่นเรื่องคัดค้านได้ภายใน 30 วันนับตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
ตรงนี้คืออีกช่องทางหนึ่งที่นายศรีสุวรรณ และนายวีระ สามารถดำเนินการได้ เพราะเข้าเงื่อนไขทุกอย่าง เพราะเมื่อนายศรีสุวรรณ และนายวีระร้องเรียน ป.ป.ช. ตั้งคณะทำงานขึ้นมาแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น สรุปรายงานผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา แต่ท้ายสุดมีมติเสียงข้างมากให้ข้อกล่าวหาตกไป
ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้กล่าวหา หรือผู้ร้องเรียนทราบ เพื่อคัดค้านภายใน 30 วัน เพื่อให้ผู้ร้องเรียน หรือผู้กล่าวหา คัดค้านให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทบทวนคำสั่งหรือมติดังกล่าวได้
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะทำหนังสือขอเอกสารและมติฉบับเต็มของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในกรณีดังกล่าวมาดูว่า ใช้เหตุผลอะไร และยืนยันจะทำหนังสือคัดค้านมติดังกล่าว ตามช่องทางมาตรา 49 ด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. นั้น นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ยังคืบหน้าไปได้เรื่อย ๆ ปัจจุบันได้รายชื่อแล้วประมาณ 2,000 คน
นี่คือความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรู ที่ลุกลามบานปลาย ขยายผลกลายเป็นการยื่นเรื่องถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. เสียแล้ว
ท้ายที่สุดเรื่องราวนี้จะมีบทสรุปอย่างไร คงต้องติดตามกันต่ออย่างใกล้ชิด !
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage
อ่านประกอบ :
'ศรีสุวรรณ'ล่า 2 หมื่นชื่อชงถอดถอน 5 กก.ป.ป.ช.ข้างมากตีตกคดีนาฬิกา'บิ๊กป้อม'
ชอตต่อชอต! เทียบคดีนาฬิกาหรู 'บิ๊กป้อม' - รถโฟล์คตู้ ‘สุพจน์’
เบื้องหลัง กก.ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ลงมติ 5:3 ตีตกคดีนาฬิกาหรู'บิ๊กป้อม' ยืมเพื่อนไม่ผิด!
ยืมเพื่อนไม่ผิด! ป.ป.ช.มติ 5 ต่อ 3 ตีตกคดีนาฬิกาหรู'บิ๊กป้อม'
ปิดม่านมหากาพย์นาฬิกาเพื่อน‘บิ๊กป้อม’ ป.ป.ช.ตีตก-เหลือปมรับทรัพย์สินเกิน 3 พัน?
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.ประวิตร จาก kapook, ภาพนายพรเพชร จาก acnews