'ศรีสุวรรณ' ค้าน รบ.เเจกซิมเน็ตเเก้จน เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน มากกว่าช่วยผู้มีรายได้น้อย
'ศรีสุวรรณ' ค้าน รบ.เเจกซิมเน็ตเเก้จน เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน มากกว่าช่วยผู้มีรายได้น้อย ชี้เเนวคิดเป็นกลฉ้อฉลโยกเงินภาษีปชช.เข้ากระเป๋าค่ายมือถือ
วันที่ 5 ธ.ค. 2561 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกเเถลงการณ์คัดค้านการเเจกซิมเน็ตเเก้จนเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนมือถือ ว่าตามที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงการแจกซิมอินเทอร์เน็ตฟรีให้ผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านคน ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่ามั่นใจจะเป็นประโยชน์ เพราะจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงข้อมูล ความรู้ การประกอบอาชีพต่างๆ ทั้งข้อมูลทั่วไป และข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งหากผู้มีรายได้น้อยมีช่องทาง มีความรู้เพิ่มขึ้น จะสามารถประกอบอาชีพพัฒนาฝีมือแรงงานได้ ในระยะยาวก็จะหลุดพ้นการเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลนั้น
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า เหตุผลดังกล่าว ไม่เชื่อว่าเป็นแนวคิดของคนระดับรัฐมนตรี ที่ออกมาโฆษณาชวนเชื่อขายฝันให้ชาวบ้านถึงเพียงนี้ เพราะถ้าทุกคนที่มีซิมโทรศัพท์และเล่นอินเตอร์เน็ตได้แล้วทำให้หายจน ประเทศไทยคงถูกยกระดับให้เป็นประเทศร่ำรวยไปนานแล้ว เพราะคงไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชนมีซิมโทรศัพท์ไปเล่นอินเตอร์เน็ตเพียง 6 เดือนแล้วจะทำให้หายจนได้ และหากพิจารณาจากรายงานสถิติผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือประเทศไทยพบว่า เฉพาะผู้ให้บริการหลักทั้ง 3 รายใหญ่ของประเทศไทยได้แก่ AIS, dtac และ TrueMove เมื่อต้นปี 2017 นั้นยอดผู้ใช้งานรวมทั้งสิ้นมีถึง 90.7 ล้านคน ซึ่งเกินไปกว่าจำนวนประชากรคนไทยที่มีเพียงประมาณ 66 ล้านคนเท่านั้น เช่นนั้นแล้วทำไมคนไทยจึงมีคนยากคนจนอยู่เต็มแผ่นดินให้เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยเล่า
ในทางกลับกันแนวคิดดังกล่าวเป็นเพียงกลฉ้อฉลของรัฐบาลที่จะโยกย้ายเงินภาษีของประชาชนที่ควรนำไปพัฒนาประเทศในด้านที่เหมาะสมกลับต้องนำมาแจกซิมเล่นเน็ตเพื่อถ่ายเทเงินไปเข้ากระเป๋ากลุ่มทุนมือถืออย่างแนบเนียนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้ ระยะสั้น หากมีคนจน 14 ล้านคน โดยที่รัฐเติมเงินให้คนละ 50 บาทต่อเดือนก็จะตกเดือนละ 700 ล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือนก็จะเท่ากับ 4,200 ล้านบาท นอกจากนั้น แต่ผู้มีรายได้น้อยบางรายไม่สามารถซื้อสมาร์ทโฟนหรือเครื่องมือที่จะใช้ซิมดังกล่าวได้ก็ต้องเสียเงินในการจัดหาสมาร์ทโฟนมาใช้อีก กลุ่มทุนมือถือก็จะรับทรัพย์อย่างเดียว
ระยะยาวเมื่อมีการใช้มือถือแล้วก็ยากที่จะเลิกใช้ หากแต่จะต้องใช้ต่อไปแม้หมดระยะโปรโมชั่นของรัฐบาล และจะต้องมีการจ่ายค่าเน็ตและซื้อเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่องทุก 1-3 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นการสร้างการเสพติดบริโภคนิยมให้เกิดขึ้นกับประชาชน บนความอู่ฟู่ของกลุ่มทุนมือถือโดยชัดแจ้ง ไม่ใช่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแต่อย่างใด
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า เช่นนี้รัฐบาลจริงใจที่จะช่วยประชาชน หรือแอบแฝงเจตนาเพื่อประโยชน์ของใครหรือไม่ อย่างไร ? ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์ มีรัฐมนตรีที่มีแนวคิดแก้จนให้คนจนเพื่อประโยชน์ของคนรวยเช่นนี้ก็เห็นที่จะไปไม่รอด ดังนั้นควรที่จะปลดออกจากตำแหน่งไปเสียเพื่อกู้ภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐบาลคืนมา