ช่อง 3 ยันไม่ปลดพนง.อายุ40-55 ปี พิจารณาเฉพาะกลุ่มคนวัยเกษียณ ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากม.
เบื้องหลังช่อง 3 เลิกจ้างพนง. บิ๊กล็อต เหตุสัมปทานแพร่ภาพ อสมท ใกล้สิ้นสุดลง ต้องย้ายคนทำงานมาบ.ใหม่ ถือโอกาสปรับโครงสร้างการบริหารงานให้เหมาะสมสภาพธุรกิจสื่อปัจจุบัน ใช้ 3 เกณฑ์คัดเลือก 'วัยเกษียณอายุ-ประเมินผลงาน-ให้ออกโดยสมัครใจ' จ่ายค่าชดเชย 10 เดือน บวกค่าตกใจโบนัสพิเศษ คำนวณฐานอายุงาน คูณอัตรา 0.25% ล่าสุดออกแถลงการณ์ไม่ปลดพนง.อายุ40-55 ปี พิจารณาเฉพาะกลุ่มคนวัยเกษียณ ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากม.
สืบเนื่องจากปรากฏข้อมูลว่า ผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มีมติให้เลิกจ้างพนักงานฝ่ายข่าวจำนวนกว่า 80 คน ซึ่งมีการจ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเป็นค่าชดเชย 10 เดือน ค่าตกใจ (ไม่แจ้งล่วงหน้า) 2 เดือน (อ่านประกอบ : ภาสกร จําลองราช : ตกงานกันอีกอื้อ สื่อมวลชนไทย)
แหล่งข่าวจากสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ผู้บริหารช่อง 3 มีมติให้มีการเลิกจ้างพนักงานฝ่ายข่าว ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปจริง เหตุผลเป็นเพราะสัมปทานการแพร่ภาพออกอากาศที่ทำสัญญาไว้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในนาม บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด จะสิ้นสุดลง จึงต้องมีการย้ายพนักงานเข้ามาทำงานภายใต้บริษัท สำนักข่าว บีอีซี จำกัด แทน พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ ให้เหมาะสมสภาพการทำธุรกิจสื่อในปัจจุบัน
สำหรับการแจ้งเลิกพนักงาน แบ่งออกเป็น 3 เกณฑ์ คือ 1. กลุ่มพนักงานในวัยเกษียณอายุ ซึ่งที่ผ่านมาช่อง 3 ไม่เคยมีการให้พนักงานเกษียณอายุ ตามนโยบายของผู้บริหารยุคเดิม แต่ผู้บริหารยุคปัจจุบันเห็นว่าควรยกเลิกนโยบายนี้ พนักงานที่ถึงวัยเกษียณอายุก็ควรให้เกษียณอายุไป แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เข้าทำงานก่อนปี 2545 นับอายุเกษียณ 60 ปี ส่วนที่เข้าหลังปี 2545 นับอายุเกษียณ 55 ปี
ส่วนกลุ่ม ที่ 2. เป็นกลุ่มพนักงานที่ใช้วิธีการประเมิน พิจารณาจากผลการทำงานในช่วง 3ปี ที่ผ่านมา และ 3. กลุ่มพนักงานที่ให้ออกโดยสมัครใจ
“ในข้อตกลงการเลิกจ้าง กำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าชดเชยจำนวน 10 เดือน ตามกฎหมายแรงงาน บวกค่าตกใจและโบนัสพิเศษ คำนวณฐานจากอายุงาน คูณอัตรา 0.25%” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้จำนวนตัวเลขพนักงานที่จะถูกเลิกจ้างเป็นการ เนื่องจากผู้บริหารฝ่ายบุคคลได้โทรเรียกพนักงานกลุ่มที่จะถูกเลิกจ้างเข้ามาตกลงเป็นรายคน
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท สำนักข่าว บีอีซี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2538 ทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 3199 อาคารมาลีนนท์ ชั้น 10,11 ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ ผลิตรายการข่าว นายประชุม มาลีนนท์ นางสาวรัตนา มาลีนนท์ นางสาวอัมพร มาลีนนท์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9986%
นำส่งข้อมูลงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2560 แจ้งว่ามีรายได้รวม 281,855,259.14 บาท รวมรายจ่าย 185,859,437.99 บาท กำไรสุทธิ 74,392,556.78 บาท
ล่าสุด สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน โดยมีใจความว่า
ตามที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน ของไทยทีวีสีช่อง 3 มาก่อนหน้านี้ ไทยทีวีสีช่อง 3 ขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริง เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนในเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนี้
1. ในช่วงที่ผ่านมาไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงจำนวนพนักงานและการตอบแทนพนักงานหลังเกษียณอายุ เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 มีจำนวนพนักงานจำนวนหนึ่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี ดังนั้นโครงการเกษียณอายุ จึงถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้ ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฏหมายแรงงานได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งยังมีการมอบประกันสุขภาพให้พนักงานที่เข้าโครงการต่อไป เพื่อให้พนักงานยังสามารถมีประกันสุขภาพดูแลตนเองต่อไปแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว
2. กรณีที่พนักงานรับเงินตามโครงสร้างการเกษียณแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพว่ายังสามารถปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งงานนั้นได้ต่อไปอย่างเต็มที่ พนักงานผู้นั้นก็จะได้รับการว่าจ้างต่อไปตามความเหมาะสม
3. ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีการปลดพนักงานกว่า 80 คนนั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นความจริง เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ในการพิจารณาอัตรากำลังที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของทีวีดิจิตอล ซึ่งยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด
4. อีกทั้งกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีการปลดพนักงานอายุระหว่าง 40-55 ปีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้วพนักงานในวัยนี้ถือเป็นกำลังสำคัญต่อการผลิตผลงานคุณภาพของไทยทีวีสีช่อง 3
ไทยทีวีสีช่อง 3 ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและผลิตผลงานคุณภาพเพื่อผู้ชม สำหรับโครงการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อปรับองค์กรให้เข้ากับสภาวะตลาด และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเลือกแผนในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป