คุก 70 ปี! อดีต ผอ.ร.ร.มะรือโบตก จ.นราธิวาส ทุจริตค่าอาหารกลางวันเด็ก
ศาลคดีทุจริตภาค 9 สั่งคุก 70 ปี อดีต ผอ.ร.ร.มะรือโบตก จ.นราธิวาส คดีทุจริตอาหารกลางวันเด็ก เบียดบังเงินเอาไปใช้ส่วนตัว รับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 35 ปี ไม่รอการลงโทษแม้จะคืนเงิน – ป.ป.ช.ยะลา-ปัตตานี ฟันคดีทุจริตอีก 2 สำนวน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2561 นายสนั่น ทองจีน ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 แถลงผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2562 ของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. สามจังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ช.ยะลา สำนักงาน ป.ป.ช.ปัตตานี และสำนักงาน ป.ป.ช.นราธิวาส
นายสนั่น เปิดเผยถึงผลการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้พิพากษาคดีที่สืบเนื่องจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ส่งให้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนราธิวาส โดยมีคำพิพากษาแล้ว 1 คดี ดังนี้
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 กรณี นายเฉลิม พละสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 3 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมายมีอำนาจหน้าที่อนุมัติการเบิกจ่ายและควบคุมกำกับการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และความถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการที่เกี่ยวข้อง จำเลยใช้โอกาสที่ตนมีหน้าที่ดังกล่าวทำบันทึกขอยืมเงินประเภทเงินอุดหนุนอื่น และประเภทเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านมะรือโบตกโดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการยืมเงินว่าจะนำไปใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมใดของโรงเรียน ขัดต่อระเบียบทางราชการ จำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบอนุมัติให้ตนเองยืมเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยได้รับเงินที่ยืมไปแล้วได้เบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน ทั้งยังไม่ส่งใช้เงินยืมรายเก่าตามกำหนดเวลา
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 14 กระทง เป็นจำคุก 70 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 35 ปี ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษโดยอ้างว่าได้นำเงินที่ยืมไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียนบ้านมะรือโบตกหลายกิจกรรมและบางส่วนนำไปใช้ปรับปรุงห้องพักครูเป็นประโยชน์แก่ราชการ รวมทั้งจำเลยได้จ่ายเงินคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยแล้วนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้เงินยืมว่าจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมใดของโรงเรียนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งหากจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมดังกล่าวจริง จำเลยย่อมสามารถแสดงหลักฐานการใช้เงินยืมดังกล่าวได้โดยไม่ยาก การกระทำของจำเลยกระทบต่อระเบียบแบบแผนการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นการกระทำที่ร้ายแรง แม้จำเลยจะชดใช้คืนเงินยืมพร้อมดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นภายหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
อย่างไรก็ดีคดีข้างต้นยังไม่ถือเป็นที่สุด และอยู่ภายใต้สิทธิการอุทธรณ์ การพิจารณาวินิจฉัยของศาลสูงตามลำดับ จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
@ป.ป.ช.ยะลา-ปัตตานี ฟัน 2 คดีทุจริต
สำหรับสำนักงาน ป.ป.ช.ยะลา มีเรื่องที่ส่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ได้แก่ กรณีกล่าวหานางพู้ซียะ รักษ์ธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา นางพาตีเม๊าะ สุจรูญ ครู คศ. 2 โรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา นางอารีย์ บราเฮง พนักงานราชการ (ครู) โรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา นางสารีพ๊ะ เจะซอ พนักงานราชการ (ครู) โรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีทุจริตให้ตรวจรับการจ้างและเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้รับจ้างก่อสร้างปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนโรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา โครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และสิ่งก่อสร้างชำรุด อาคารเรียน ป 1 ก จำนวน 4 ห้องเรียน และอาคารเรียน ป 1 ก จำนวน 3 ห้องเรียน ของโรงเรียนบ้านบูเกะจือฆา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 1/2558 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2557 ไปก่อนโดยที่การปรับปรุงซ่อมแซมยังไม่แล้วเสร็จ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 8 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่านางพู้ซียะ รักษ์ธรรม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีเจตนากระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่การกระทำดังกล่าว มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลโดยถือประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน และเกิดความเสียหายแก่ทางราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 85 วรรคหนึ่ง
ส่วนนางพาตีเม๊าะ สุจรูญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางอารีย์ บราเฮง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสารีพ๊ะ เจะซอ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่า ได้ร่วมกระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
โดยให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางพู้ซียะ รักษ์ธรรม ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2)
สำหรับสำนักงาน ป.ป.ช.ปัตตานี กรณีกล่าวหา นายมะซือลาม กลามอ ตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีละเว้นไม่ดำเนินการรื้อถอนบ้านพักอาศัยไม่มีเลขที่ของ นายอาแซ มะแซ ซึ่งก่อสร้างอยู่บนแนวเขตถนนทางหลวงแผ่นดิน สายบ้านทอน – กอตอ (4136) หมู่ที่ 5 ตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลไทรทอง ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ราษฎรและทางราชการได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นว่า การกระทำของ นายมะซือลาม กลามอ ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมีความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี อาจมีคำสั่งให้ นายมะซือลาม กลามอ ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5 ) พ.ศ.2546
ทั้งนี้ เรื่องไต่สวนข้อเท็จจริง และการชี้มูลความผิดข้างต้น สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี จักได้ดำเนินการส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 9 เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และดำเนินการส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัยกับ นายมะซือลาม กลามอ ผู้ถูกกล่าวหา ต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/