ทำไมคนฝรั่งเศสต้องเผาบ้านเมืองตนเอง
"...กลุ่ม Gilet Jaune นี้ คือประชาชนธรรมดาทุกผู้ที่อดรนทนไม่ไหวกับประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงปีเศษ แต่ไม่มีผลงานอะไรที่ก่อประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่มีทั้งนโยบายที่ชัดเจน อะไรที่เคยพูดไว้ก็เป็นเพียงลมปาก ซ้ำร้าย..ยังผลาญเงินภาษีไปอย่างน่าตกใจ เช่นเรื่องการจ้างกองกำลังคุ้มภัยส่วนตัว ในกรณีของนาย Banella ที่ไล่ทุบนักศึกษา ที่ได้รับสิทธิพิเศษพกอาวุธ (จากมาครง) ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการชั้นรัฐมนตรีมีการใช้จ่ายส่วนตัวของมาดามบริจิตต์ ผู้ภรรยาจำนวนมหาศาลต่อเดือน..."
ปีนี้ท่าจะหนาวมาก
อากาศยุโรปปีนี้ส่อแววว่าจะหนาวถึงหนาวสุด เพราะแค่ตอนนี้ยังไม่ทันจะถึงคริสต์มาสเลย มีถึงอุณหภูมิลบแล้ว ทำให้วางแผนชีวิตค่อนข้างลำบากนิดนึง คือไม่รู้ว่าจะได้ตีกอล์ฟมั่งหรือเปล่า
เมื่อสองสามวันก่อนที่ไปเล่นในเวลาปรกติคือ แปดโมงครึ่ง ... หมอกลงจัดจนมองไม่เห็นลูก ต้องเดาเอาว่าควรจะอยู่ตรงไหน แต่งตัวก็แทบจะเดินไม่ไหว เพราะเสื้อหลายชั้น กางเกงซ้อนกางเกง สายๆ หน่อยก็ลอกออกทีละชั้น………
แต่ความงามของสนามในช่วงฤดูนี้ มันพีคจริงๆ มองไปทางไหนมะลัง เมลืองไปสุดลูกหูลูกตา..
ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนระหว่างบ้านกับสนาม เนื่องจากตอนนี้ ที่ทุกคนทราบดีว่ามีการเดินขบวนเสื้อกั๊กเหลือง หรือ Gilet Jaune จิเลต์ โจน เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของฝรั่งเศส
ขออธิบายนิดนะคะว่า กลุ่ม Gilet Jaune นี้ คือประชาชนธรรมดาทุกผู้ที่อดรนทนไม่ไหวกับประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงปีเศษ แต่ไม่มีผลงานอะไรที่ก่อประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่มีทั้งนโยบายที่ชัดเจน อะไรที่เคยพูดไว้ก็เป็นเพียงลมปาก
ซ้ำร้าย..ยังผลาญเงินภาษีไปอย่างน่าตกใจ เช่นเรื่องการจ้างกองกำลังคุ้มภัยส่วนตัว ในกรณีของนาย Banella ที่ไล่ทุบนักศึกษา ที่ได้รับสิทธิพิเศษพกอาวุธ (จากมาครง) ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการชั้นรัฐมนตรีมีการใช้จ่ายส่วนตัวของมาดามบริจิตต์ ผู้ภรรยาจำนวนมหาศาลต่อเดือน
แทนที่มาครงจะหันมาดูแลประชาชน เพราะเหล่าโรงงานหลายโรงต้องปิดตัวไป หรือย้ายพื้นที่ออกไปนอกประเทศ เขากลับหันมาสนใจเรื่องที่จะเปลี่ยนเครื่องกระเบื้องพวกจานชามในรัฐสภา Palais l’Élysée สำหรับรับรองแขก เฉพาะค่าออกแบบก็ ห้าหมื่นยูโร ค่าจัดทำการผลิต จะตกราวๆห้าแสนยูโร
จากนั้น……เขาคิดที่จะสร้างสระว่ายน้ำในที่พักตากอากาศที่ริมทะเล Fort de Brégançon อันเป็นที่พักผ่อนของเหล่านักการเมืองระดับสูง ด้วยงบประมาณอีกนับแสนๆ ทำให้ประชาชนสะอึกกันไปตามๆกัน เพราะทุกวันนี้ชาวประชาต่างก็รัดเข็มขัดกันถ้วนหน้าอยู่แล้ว
ตรงนี้เอง ที่เขาได้รับสมญานามจากสื่อและประชาชนว่า Macron: Le Président des riches หรือ มาครง ท่านประธานาธิบดีของคนรวย
ฟางเส้นที่ทำให้ลาสะดุ้งคือการที่เขามีนโยบายที่จะเข้ามาบริการจัดการกองทุนสวัสดิการคนเกษียณด้วยการตัดนั่นตัดนี่ เพิ่มภาษี โดยการอ้างว่าจะเอาไปโปะเพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าทางการศึกษา จ้างครูเพิ่ม
แถมยังพูดให้ชาวบ้านเจ็บใจต่อหน้าอนุสรณ์สถานของท่านอดีตประธานาธิบดี เดอ โกลล์ ว่า .......
“พวกคุณไม่มีสิทธิบ่น พวกเราชาวฝรั่งเศสโชคดีกว่าคนอื่นๆตั้งเท่าไหร่แล้วที่คนสูงวัยได้รับการดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”
(ทุกคนที่ได้รับคือ เขามีประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะจากที่ทำงานหรือจ่ายเองหรือจากสวัสดิการเกษียณที่ได้ทำสะสมเอาไว้)
ฟางเส้นเกือบสุดท้าย คือเดือนกันยายน เมื่อเขาได้ถูกชายวัย 25 ปีคนหนึ่งเข้ามาประชิดตัว และปรับทุกข์ว่า เขาตกงาน พยายามหาหลายที่แล้วแต่ก็ไม่มีใครรับนายมาครง
แทนที่จะเห็นใจ กลับบอกเขาไปอย่างรำคาญๆ ว่า
“นี่..ลองเดินข้ามถนนไปนะ ไปสมัครในร้านอาหารหากนั้นเลย ที่ไหนๆเขาก็ขาดคนทั้งนั้นแหละ ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่า ที่ไหนไม่รับสมัครงาน”
ตรงนี้เองที่เขาได้รับการตอกหน้าจากสื่อว่า อ่อนประวัติศาสตร์...
เพราะพระนางมารี อังตัวเนตต์ ได้เคยพูดอย่างนี้กับประชาที่ลุกฮือขับไล่เพราะความจนและความหิวโหย ว่า “ก็ไปกินเค้กซิ...!!”
วลี Qu'ils mangent de la brioche ! ได้นำมาใช้เชิงเสียดสีความจนจนถึงทุกวันนี้
มันสมควรไหมที่คนเป็นผู้นำจะพูดจาสุนัขๆแบบนี้ กับคนที่หวังมาพึ่งพิง
แทนที่จะให้ความเห็นหรือถามเขาว่ามีความถนัดอะไร อยากได้ไปเข้ารับการอบรมที่ไหนบ้าง อย่างน้อยก็เป็นการช่วนเหลือในระดับหนึ่ง
คลิปการสนทนานี้ได้ออกแพร่หลายไป………
ประชาชนชาวประชาที่กำลังหางานเดือดจัดจนเข้าขั้นที่จะอดรนทนไม่ได้
ฟางเส้นสุดท้ายทรือการขึ้นราคาน้ำมัน………นั่นคือแตกหัก!!!
Gilet (เสื้อกั๊ก) Jaune (สีเหลือง) คืออุปกรณ์สำคัญที่ทุกคนจะต้องมีไว้ในรถ อยู่ในที่ที่พร้อมจะหยิบมาใส่ได้เลย หากว่าเกิดเหตุอุบัติใดๆบนท้องถนน เพื่อเป็นสัญญาณความปลอดภัย ซึ่งเป็นกฏหมายในการใช้รถใช้ถนน
เมื่อเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี เขาจึงใช้เสื้อกั๊กนี้เรียกร้องประชาชนที่หมดความอดทนกับนายมาครงให้ออกมาร่วมกัน ใส่เเสื้อกั๊กนี้ออกมาเลย
ขอย้ำว่าการต่อต้านนี้มุ่งสู่ตัวประธานาธิบดีเท่านั้นด้วยข้อเรียกร้องให้ลาออกสถานเดียว
เพราะอยู่ไปก็เปลืองขนมปัง
การต่อต้านคือการสร้างภาวะชะงักงันให้กับฝรั่งเศส ทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ทั่วไป โดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองจะเข้าบล๊อกเส้นทางต่างๆ ที่สำคัญ ปล่อยให้รถวิ่งเส้นเดียวบ้าง หรือปิดสถานที่จอดรถบ้าง
แต่อย่างที่ดิสนีย์แลนด์ เปิดที่จอดรถให้คนเข้าไปจอดฟรีเลย เพราะนายทุนคือเพื่อนของมาครง...
การต่อต้านนี้จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จะได้ผลอย่างไรนั้น ไม่มีใครรู้
แต่ที่แน่ๆ คือประธานาธิบดีนั้นเก็บตัวเงียบเชียบ ไม่ได้มาทำปากดีเหมือนเคย
อีกทั้งเหล่ากุนซือมือแน่ๆ ทางภาคปกครองและเศรษฐกิจที่ดึงตัวมาทำงาน ต่างพาทะยอยกันลาออกทีละคนสองคน
เขาตอนนี้โดดเดี่ยวจริงๆเพราะไม่มีพรรคพวกทางการเมืองท้องถิ่น
เขามาจากเส้นทางสายบริหารธนาคาร ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆกับภาคปกครองของรัฐ การพูดจาต่างๆ จึงไม่มีจิตวิทยามวลชน
นี่คือประวัติศาสตร์หนึ่งของฝรั่งเศสที่ผู้นำระดับประธานาธิบดีใหม่ๆ หมาดๆ ได้กลายเป็นตัวตลกท่ามกลางความหมดศรัทธาของประชาชน ขยับทำอะไรไม่ได้เพราะผลจะออกมาเป็นลบหมด
ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองฝรั่งเศส หากว่าการแสกดดันได้ผลจน ปธน. ต้องลาออกไปให้ประธานสภาจะต้องมาดูแลประเทศแทนจนครบวาระห้าปี
แต่ที่แน่ๆ คือ มาครงจะไม่ได้รับเลือกเข้ามาในวงการเมืองอีก และอาจถูกดำเนินคดีในหลายๆ เรื่องที่หมกเม็ดเอาไว้เมื่อพ้นจากวาระและการเมืองฝ่ายขวาจัดจะได้รับความนิยมมากขึ้น
นี่คือการประเมินสถานะการณ์คร่าวๆ ค่ะ
ผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในยามนี้ คือการไปไหนมาไหนจะไม่ค่อยสะดวกเพราะการปิดกั้นถนนที่นั่นที่นี่ ซึ่งจะไปสิ้นสุดเมื่อไหร่ไม่ทราบ
กลุ่มนี้ไม่ใช่อันธพาลที่น่ากลัว แถมออกแนวสนุกสนานเฮฮาอีกต่างหากเพียงแต่เขาเอาจริงกับการขับไล่ผู้นำเท่านั้น
ตอนนี้เป็นห่วงแต่ว่าหากฝ่ายนักศึกษาทุกสถาบันออกมาร่วมด้วยจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจลุกลามขยายวงออกไปอย่างกว้างไกล
หวังว่า นายมาครงคงจะไม่ออกมาพูดอะไรที่สร้างความเดือดดาลให้กับประชาชนอีก
....Wiwanda W. Vichit.....