ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิเพียงพอเลยต้องรื้อ! ส.ป.ก.แจงเหตุยึดที่ปลูกปาล์ม 'สหไทยน้ำมันพืช'
ส.ป.ก.ส่งหนังสือ แจง 'อิศรา' เผยข้อเท็จจริงกรณีรื้อถอนที่ 'สหไทยน้ำมันพืช' ย้ำบริษัทไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิเพียงพอเลยต้องรื้อ ระบุที่ผ่านมาส่งคำเตือนไปหลายครั้งแต่เพิกเฉย
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวกรณีที่บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 36/2559 เรื่อง มาตรการการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดิน ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เข้ายึดพื้นจำนวน 6,083 ไร่ ของบริษัทซึ่งใช้เป็นที่ปลูกปาล์มใน จ.ชุมพร และยังปล่อยให้ชาวบ้านเข้ามาขโมยผลผลิตปาล์มที่บริษัทได้ปลูกเอาไว้จนทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งที่ บริษัทได้ถือครองที่ดินดังกล่าวถูกต้องตามข้อยกเว้นในเงื่อนไขของคำสั่ง คสช.ดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้เคยนำเอาเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้ตรวจการแผ่นดินมาก่อนแล้วเช่นกัน (อ่านประกอบ:บ.สหไทยน้ำมันพืช ร้องผู้ตรวจการฯโดนยึดที่ปลูกปาล์ม6พันไร่ ไม่เป็นธรรม - ส.ป.ก.ยันทำตามกม.)
ล่าสุด ส.ป.ก.ได้ส่งหนังสือมาถึงสำนักข่าวอิศราเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว มีใจความว่า
ตามที่ ปรากฏเป็นข่าวทางเว็บไซต์สํานักข่าวอิศรา ประจําวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 กรณี บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จํากัด ร้องเรียนต่อสํานักข่าวอิศรา อ้างถึงสํานักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในการเข้ายึดคืนพื้นที่ตามคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 ในพื้นที่เป้าหมายเลขที่ 83 เนื้อที่ประมาณ 6,281 ไร่ ที่ดินตั้งอยู่ตําบลหงษ์เจริญ อําเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร นั้น
ในการนี้ สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีการดําเนินการ ดังนี้
1. หัวหน้า คสช. มีคําสั่งที่ 36/2559สั่ง ณ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เรื่อง มาตรการ ในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย
2. ส.ป.ก. ออกประกาศ ส.ป.ก. ที่ 8/2559 เรื่อง กําหนดพื้นที่เป้าหมายดําเนินการ กับผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบ โดยกําหนดให้ที่ดินแปลงหมายเลข หมายเลข 83 เนื้อที่ประมาณ 6,281 ไร่ เป็นพื้นที่ เป้าหมายเพื่อให้ผู้ถือครองสิทธิในที่ดินยื่นคําร้องแสดงสิทธิในที่ดินต่อ ส.ป.ก. ชุมพร ซึ่งพยานหลักฐานของ บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จํากัด ไม่อาจรับฟังได้
3. ส.ป.ก.ชุมพร จึงออกคําสั่งแจ้งให้บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จํากัด ออกจากพื้นที่เป้าหมาย พร้อมทั้งรื้อถอน ทําลาย หรือกระทําการอื่นใดแก่สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งอื่นใดในพื้นที่เป้าหมาย (หลายครั้ง) แต่บริษัทยังคงเพิกเฉยไม่ดําเนินการแต่อย่างใด
4. บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จํากัด ฟ้องศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางมีคําสั่งไม่รับคําฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา และให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบความ คดีนี้เป็นที่ยุติ เนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์คําสั่งดังกล่าว ต่อมาในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จํากัด ได้ยื่นฟ้อง ส.ป.ก. , เลขาธิการ ส.ป.ก. (ส.ป.ก.ชุมพร และปฏิรูปที่ดินจังหวัดชุมพร ต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช ขอให้ศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาให้ดินแปลงเป้าหมาย หมายเลข 83 ตกเป็นของกรมป่าไม้และห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ถึงที่ 4 เข้ามารบกวนการครอบครอง และในวันที่ 28 มิถุนายน 2561 ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือแจ้งค้าสั่งไม่รับคําฟ้องไว้พิจารณาและให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเป็นการฟ้องซ้ำ ซึ่งบริษัทฯ (ผู้ฟ้องคดี) ได้อุทธรณ์คําสั่งของศาลปกครองนครศรีธรรมราช ซึ่งปัจจุบันศาลปกครองสูงสุดยังมิได้ มีคำสั่งรับฟ้องคดี
5. สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยว่า ส.ป.ก. มีอํานาจเข้าดําเนินการตามคําสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 ข้อ 4 ในพื้นที่ หมายเลข 83 ได้
6. ส.ป.ก.ชุมพร สนธิกําลังทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครองฯ ปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ ในวันที่ 19 มิถุนายน 2561 และให้ทหารเข้าควบคุมพื้นที่จนกว่าจะมีการจัดที่ดิน
7 คทช.จังหวัดชุมพร ในคราวประชุมครั้ง2/2561 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 มีมติเห็นชอบให้ด้าเนินการจัดที่ดินให้ชุมชนภายใต้นโยบาย คทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรตามนโยบายจัดที่ดินทํากินให้ชุมชน ของรัฐบาล ตามคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 ข้อ 9
อนึ่งก่อนหน้านี้ ในการนำเสนอข่าว บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูก ส.ป.ก. ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมดังกล่าว สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อแหล่งข่าวจากส.ป.ก. ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง โดยได้รับคำยืนยันว่า การยึดที่ดินปลูกปาล์มของบริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด เป็นการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา ส.ป.ก. ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทฯ ออกจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งดำเนินการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้าง และขนย้ายทรัพย์สินมาหลายครั้งแล้ว เป็นบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตาม ชี้ให้เห็นว่า บริษัทฯ มีพฤติการณ์ไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่ง จงใจ ฝ่าฝืนและยังได้ปักป้ายแสดงสิทธิในที่ดินโดยอ้างว่าได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ทั้งที่ ได้มีการวินิจฉัยเรื่องอำนาจในที่ดินเป็นที่ยุติแล้ว ดังนั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และเพื่อให้ภารกิจการนำพื้นที่เป้าหมายไปดำเนินการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรตามนโยบายรัฐบาลเป็นไปตามแผนปฏิบัติการ จึงต้องดำเนินการรื้อถอนทรัพย์สินของบริษัทออกจากพื้นที่ ส่วนบริษัทฯ จะโต้แย้งอำนาจการดำเนินการของราชการอย่างใด ก็เป็นสิทธิของบริษัท แต่ยืนยันว่า ส.ป.ก. ดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอนทางกฎหมาย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/