กฟผ.เดินหน้าแผนโรงไฟฟ้าภาคใต้ เครือข่ายชาวบ้านค้านแผนพลังงาน 20ปี ละเมิด ครม.
กฟผ.ดันสร้าง 9 โรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ตาม PDF 2010 เครือข่ายท้องถิ่นตรังออกโรงต้านแผนพัฒนาไฟฟ้า 20 ปี นักวิชาการแนะเดินตามแผนอนุรักษ์พลังงานเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ 9 นิวเคลียร์ 5
วันที่ 8 มิ.ย.55 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) จะมีการพิจารณาร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า 2553-2573 (PDP 2010) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ซึ่งวันที่ 7 มิ.ย.เครือข่ายประชาชนอำเภอกันตัง จ.ตรัง แถลงข่าวคัดค้านร่างดังกล่าว โดยนายชนะชัย สังข์แดหวา กล่าวว่า 5 มิ.ย.55 กระทรวงพลังงานได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างแผนเพื่อเตรียมเสนอ กพช. โดยร่างเนื้อหาได้กำหนดกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เมื่อสิ้นสุดปี 2573 ไว้ประมาณ 71,087 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 32,629 เมกะวัตต์
นายชนะชัย กล่าวอีกว่าแผน PDP2010 ปรับปรุงครั้งที่ 2 ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมก๊าซธรรมชาติ 18,400 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน 7,740 เมกะวัตต์ ซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 10,982 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าระบบพลังงานร่วม Co-generation 8,319 เมกะวัตต์ พลังงานหมุนเวียน 4,433 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4,000 เมกะวัตต์ แต่แผน PDP2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3 ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมก๊าซธรรมชาติ 25,451 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน 4,400 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าซื้อจากต่างประเทศ 6,572 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าระบบพลังงานร่วม Co-generation 6,374 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 9,516 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้ากังหันแก๊ส 750 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2,000 เมกะวัตต์
“การจัดทำร่างแผน PDP มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี 2554 – 2573 วันที่ 27 ธ.ค.54 ที่ได้กำหนดเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานไว้ 96,653 ล้านหน่วย ในปี 2573 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อราคาเชื้อเพลิงที่จะเพิ่มชึ้นในอนาคต แต่กระทรวงกลับกำหนดเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานไว้ในร่าง PDP ฉบับนี้เพียงร้อยละ 20 หรือ 3,494 เมกะวัตต์ ” นายชนะชัย ระบุ
ด้าน นายไตรณรงค์ เกื้อเส้ง กล่าวว่าเครือข่ายประชาชนอำเภอกันตัง มีความเห็นว่ากระทรวงพลังงานจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างแผนดังกล่าวแค่ครึ่งวัน และครั้งเดียวในกรุงเทพฯ โดยส่งหนังสือเชิญในวันที่ 30 พ.ค. อีกทั้งเปิดเผยข้อมูลล่วงหน้าน้อยมาก ในการพิจารณาเอกสารร่างถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน อาจจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เพราะอาจจะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะผลักภาระต้นทุนการผลิตแก่ประชาชน
นายไตรณรงค์ กล่าวอีกว่ารัฐบาลปัจจุบันมีมติ ครม. 27 ธ.ค. 54 เห็นชอบเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน 17,470 เมกะวัตต์ภายใน 20 ปี หากทำเป้าหมายดังกล่าวก็สามารถตัดพลังงานนิวเคลียร์ 2,000 เมกะวัตต์ ถ่านหิน 4,400 เมกะวัตต์ ลดโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และการนำเข้าการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนได้อีก 16 โรง 9,500เมกะวัตต์ ซึ่งจะลดต้นทุนค่าไฟฟ้าอย่างน้อย 400,000 ล้านบาทและสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศ
“จะทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เกิดจังหวัดตรัง ภาคใต้ และภาคอื่นๆ ของประเทศไทย อีกทั้งยังสามารถลดความขัดแย้งในพื้นที่ได้” นายไตรณรงค์ กล่าว
และเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่โรงแรมเรือรัษฎาบัดเจ็ทโฮต็ล จ.ตรัง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดงาน “สังสรรค์สื่อมวลชน กับ กฟผ.” โดย นายชวการ โชคดำลีลา วิศวกร 9 กฟผ. ชี้แจงว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดตรัง ขนาด 800 เมกะวัตต์ จะให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยวิทยาเขตตรัง ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น(IEE) โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 55 ใช้เวลาศึกษา 8 เดือน
“ตามแผน PDP 2010 กฟผ.ต้องผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ 9 โรง โรงละ 800 เมกะวัตต์ 7,200 เมกะวัตต์ พื้นที่ที่มีศักยภาพอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคใต้ อาทิ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง เพื่อความสะดวกในการขนส่งถ่านหินนำเข้าจากต่างประเทศ” นายชวการ กล่าว
_________________________________________________________________
ข้อมูลจากการนำเสนอของ นายศุภกิจ นันทะวรการ นักวิชาการด้านพลังงานมูลนิธินโยบายสุขภาวะ
ในเวทีเสวนา “ปัญหาพลังงาน...ทำไมจึงกลายเป็นปัญหาของท้องถิ่น” 1 เม.ย.55
จัดโดย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา
แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน มีศักยภาพประหยัดไฟฟ้าภายในปี 2573 ภาคอุตสาหกรรม 33,500 ล้านหน่วย ภาคอาคารธุรกิจขนาดใหญ่27,420 ล้านหน่วย ภาคอาคารขนาดเล็กและบ้านเรือน 23,220 ล้านหน่วย รวม 84,140 ล้านหน่วย หรือ 24.2% ของแผน PDP 2010 โดยกำหนดเป้าหมายของแผนฯ ประมาณร้อยละ 82 ของศักยภาพ หรือ 69,000 ล้านหน่วย หรือ 10,500 เมกะวัตต์ สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 49ล้านตัน/ปี ประหยัดพลังงานได้ 272,000 ล้านบาท/ปี
แผนอนุรักษ์พลังงานดังกล่าวคุ้มค่าในการลงทุนเฉลี่ย 2,000-6,000 บาทต่อตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป้าหมายประหยัดไฟฟ้าในปี 2573 เทียบเท่ากับการลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด 10,500 เมกะวัตต์ หากรวมกำลังการผลิตสำรอง 15% สามารถลดความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ 12,077 เมกะวัตต์ ยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน 9 โรง (7,200 เมกะวัตต์) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 โรง (5,000 เมกะวัตต์)
แผนพัฒนาพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี พ.ศ. 2555-2564 สามารถพัฒนาพลังงานจากเปอร์เซ็นต์การทดแทนฟอสซิล 25% ไม่รวม NGV กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 9,201 เมกะวัตต์ ปริมาณความร้อน 9,335 ktoe เชื้อเพลิงชีวภาพ 39.97 ล้านลิตรต่อวัน เปอร์เซ็นต์ทดแทนน้ำมัน 44% สำหรับด้านเศรษฐกิจสามารถลดการนำเข้าน้ำมัน 5.74 แสนล้านบาท ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน 4.42 แสนล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อมช่วยลด CO2 จำนวน 76 ล้านตันต่อปีในปี 2564 รายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายคาร์บอนเครดิต 2.3 หมื่นล้านบาท ด้านการพัฒนางานนวัตกรรมเทคโนโลยี แผนงานวิจัยมีแผนปฏิบัติการชัดเจน ปี 2555-2559
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า 2553-257 (แผน PDP 2010) พยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 เท่า จาก 22,315 เมกะวัตต์ ในปี 2552 เป็น 52,890 เมกะวัตต์ ในปี 2573 และพยากรณ์การใช้ไฟฟ้าว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 146,182ล้านหน่วยเป็น 347,947 ล้านหน่วยในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้น 2.4 เท่า กำลังการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจาก 29,212 เมกะวัตต์ ในปี 2552 เป็น 65,547 เมกะวัตต์ ในปี 2573 กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 2553-2573 เพิ่มขึ้น 54,005 เมกะวัตต์ โดยมาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมก๊าซธรรมชาติ 16,670 เมกะวัตต์ การรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 11,669 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 5,000 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน 8,400 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 512 เมกะวัตต์ รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จำนวน 4,617 เมกะวัตต์ และระบบผลิตพลังงานร่วมไฟฟ้า-ความร้อน 7,137 เมกะวัตต์
“ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 เท่ากับ 23,900 เมกะวัตต์ ต่ำกว่าการพยากรณ์ตามแผน PDP2010 คือ 24,568 เมกะวัตต์ ไปแล้ว 668 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับกำลังผลิตสำรองอีก 15% จึงสามารถเลิกโครงการโรงไฟฟ้าได้แล้ว 768 เมกะวัตต์”
ที่มารูป : ชวการ โชคดำลีลา