เผย11แนวทางอสส.โยกย้ายขรก.อัยการปี 62 สนง.คุ้มครองสิทธิ 44 คน เลือกตามลําดับอาวุโส
เผย 11 แนวทาง อสส.โยกย้ายขรก.อัยการปี 62 ชี้นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ต้องเคยปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดไม่น้อยกว่า 1 ปี-สนง.คุ้มครองสิทธิ 44 คน เลือกตามลําดับอาวุโส
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานอัสการสูงสุด (อสส.) ได้เปิดเผยแนวทางการบริหารงานบุคคลและโยกย้ายตำแหน่งของข้าราชการอัยการ ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนเม.ย.2562 มีจำนวน 11 แนวทาง ดังต่อไปนี้
1. สํานักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาให้อัยการผู้เชี่ยวชาญไปปฏิบัติราชการใน สํานักงานส่วนกลางหรือในสํานักงานส่วนภูมิภาค โดยคํานึงถึงอัตรากําลังของสํานักงานและความ
เหมาะสม
2. สํานักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาให้ผู้ดํารงตําแหน่งอัยการจังหวัดต้องพ้นจากตําแหน่งที่ดํารงอยู่ ประมาณ 74 คน โดยจะได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญในสํานักงาน ส่วนกลาง สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ภาค 9 สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปราม การทุจริตภาค ที่ขาดแคลนอัตรากําลัง
3.อัยการจังหวัด จะพิจารณาให้สับเปลี่ยนโยกย้ายได้ตามความจําเป็นและเหมาะสมผู้ที่แสดงความจํานงไม่ประสงค์จะดํารงตําแหน่งอัยการจังหวัด จะไม่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งดังกล่าวอีกต่อไป
อัยการจังหวัดนราธิวาส อัยการจังหวัดยะลา และอัยการจังหวัดปัตตานี จะคัดเลือก จากข้าราชการอัยการซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อัยการจังหวัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุดที่เข้าฝึกอบรมหลักสูตรอัยการจังหวัด แล้วจะต้องดํารงตําแหน่งอัยการจังหวัด เว้นแต่สํานักงานอัยการสูงสุดเห็นว่าควรจะดํารงตําแหน่ง อื่นซึ่งจะ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ราชการสํานักงานอัยการสูงสุด หรือมีเหตุอันสมควรประการอื่น
4.อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุดซึ่งมีอาวุโสถัดจากอัยการจังหวัด คนสุดท้ายลงมา สํานักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงานในสํานักงานอัยการจังหวัด สํานักงานอัยการคดีศาลแขวง หรือสํานักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัด
กรณีไม่ประสงค์จะปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน ให้แสดงความจํานงพร้อมเหตุผล เพื่อประกอบการพิจารณา โดยต้องแจ้งมาภายในกําหนดเวลายื่นแบบแสดงข้อมูลฯ ที่กําหนดไว้ มิฉะนั้นจะถือว่าประสงค์ปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน
5.อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุดที่ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเป็นเวลา 1 ปี อาจย้ายไปสํานักงาน อัยการคุ้มครองสิทธิฯ อื่นได้ และเมื่อปฏิบัติราชการครบ 2 ปีแล้ว จะให้พ้นจากตําแหน่งไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานที่ขาดแคลนอัตรากําลังและเหมาะสม
6.อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุดที่มีอาวุโสกัดจากผู้ปฏิบัติราชการใน สํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดคนสุดท้าย ลงมา
ทั้งนี้ สํานักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาให้ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ ประมาณ 44 คน ตามลําดับอาวุโส
กรณีไม่ประสงค์จะปฏิบัติราชการตามที่กำหนด ให้แสดงความจํานงพร้อมเหตุผล เพื่อประกอบการพิจารณา โดยต้องแจ้งมาภายในกําหนดเวลายื่นแบบแสดงข้อมูลฯ ที่กําหนดไว้ มิฉะนั้น จะถือว่าประสงค์ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ การแสดงความประสงค์ไม่ปฏิบัติ ราชการดังกล่าว อาจเป็นเหตุที่สํานักงานอัยการสูงสุดจะไม่จัดให้บุคคลดังกล่าวเข้ารับการอบรมหลักสูตร อัยการจังหวัดซึ่งจะทําให้ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัยการจังหวัดในโอกาสต่อไป
บุคคลซึ่งอยู่ในลําดับอาวุโสที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการในสํานักงาน อัยการคุ้มครองสิทธิฯ ตามวรรคหนึ่ง หากปฏิบัติราชการอยู่ในส่วนกลางและได้ปฏิบัติราชการในส่วนกลาง ติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 5 ปี และผู้บังคับบัญชามีหนังสือแจ้งว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นกําลังสําคัญของสํานักงาน จําเป็นต้องให้ปฏิบัติราชการที่เดิมต่อไป สํานักงานอัยการสูงสุดอาจพิจารณา ให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติราชการอยู่ที่เดิมจนกว่าจะถึงลําดับอาวุโสที่จะเป็นผู้กลั่นกรองงาน
7.รองอัยการจังหวัดที่ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด ครบ 1 ปีแล้ว จะให้พ้นจากตําแหน่งไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานที่ขาดแคลนอัตรากําลังและเหมาะสม
8.อัยการประจําสํานักงานอัยการสูงสุด และรองอัยการจังหวัดซึ่งมีอาวุโสกัดจาก รองอัยการจังหวัดที่ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดคนสุดท้าย ลงมา สํานักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาให้ปฏิบัติราชการในสํานักงาน อัยการคุ้มครองสิทธิฯ ประมาณ 114 คน ตามลําดับอาวุโส ยกเว้นผู้ปฏิบัติราชการในส่วนกลางที่ สํานักงานอัยการสูงสุดเห็นว่ามีความรู้ความสามารถสมควรพัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสํานักงานนั้นต่อไป ตามที่ผู้บังคับบัญชารับรอง หรือมีความจําเป็นอย่างอื่น และสํานักงานอัยการสูงสุดจะให้ปฏิบัติราชการอยู่ ในส่วนกลางต่อไปจนกว่าถึงวาระต้องปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ ในตําแหน่งอัยการ จังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุด
9.ข้าราชการอัยการที่ปฏิบัติราชการในสํานักงานอัยการจังหวัดนาทวี สํานักงาน อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสงขลา (สาขานาทวี) สํานักงาน ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา หรือจังหวัดปัตตานี ครบ 1 ปีแล้ว หากประสงค์ไปปฏิบัติราชการใน สํานักงานอื่น จะได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ โดยคํานึงถึงอัตรากําลังของสํานักงานและความเหมาะสม เกี่ยวกับลําดับอาวุโส
10.อัยการผู้ช่วยซึ่งผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรของสถาบันพัฒนาข้าราชการ ฝ่ายอัยการ ครบ 1 ปี และ ก.อ. เห็นชอบแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอัยการประจํากองหรืออัยการจังหวัด ผู้ช่วยแล้วทั้งหมด (หรือบางส่วนตามความเหมาะสม) จะได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานส่วนภูมิภาคที่ขาดแคลนอัตรากําลัง
11. สํานักงานอัยการสูงสุดอาจพิจารณาให้ข้าราชการอัยการที่อธิบดีอัยการหรือ อธิบดีอัยการภาครายงานว่ามีความประพฤติไม่เหมาะสม หรือที่ปฏิบัติราชการในสํานักงานเดียวกัน มานานกว่า 4 ปี ไปปฏิบัติราชการที่สํานักงานอื่น ตามความจําเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวถูกระบุว่า เป็นแนวทางทั่วไป ที่ใช้ในการพิจารณาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการอัยการ ในวาระเดือนเม.ย. 2562 เพื่อเสนอให้ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบไม่ผูกมัด ก.อ. ที่จะต้องถือตามแต่อย่างใด (อ่านฉบับเต็มที่นี่ http://www.cmiss.ago.go.th/images/PR/2561/yokyai62.pdf)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
เมื่ออัยการเดือด ถูกตัดเงินค่าครองชีพ-ฝ่ายบริหารยันเกลี่ยงบค้างท่อจ่ายได้แน่ 28 ก.ย.นี้