ผอค. ยันไม่ปิดร้านศึกษาภัณฑ์ฯ ทุกสาขาอย่างแน่นอน - ตั้งเป้ายอดขายปี 61 ทะลุ 3 พันล้าน
ผอ.องค์การค้าของ สกสค. โชว์รายได้ร้านศึกษาภัณฑ์ 10 สาขา ยอดจำหน่ายรวม 675 ล้าน เป็นกำไร 127 ล้าน และขาดทุน 127,000 บาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเช่าพื้นที่ เงินเดือนพนักงาน ยันแก้ไขปัญหาได้
วันที่ 22 ตุลาคม นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. พร้อมผู้บริหารระดับสูงองค์การค้าของ สกสค. เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่าจะมีการปิดร้านศึกษาภัณฑ์ในสาขาที่ขาดทุนว่า นโยบายการปิดร้านศึกษาภัณฑ์สาขาที่ขาดทุนเป็นเพียงการพูดคุยหารือเท่านั้นยังไม่ได้เป็นข้อสรุป จึงได้เชิญผู้จัดการร้านศึกษาภัณฑ์ทั้ง 10 สาขามาปรึกษาแนวทางแก้ปัญหา และยืนยันว่าไม่มีนโยบายปิดร้านศึกษาภัณฑ์ราชดำเนินสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2561 ทะลุ 3,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 300 ล้านบาท
ผอ.องค์การค้าของ สกสค. กล่าวว่า หากมองที่ตัวเลขรายได้ของร้านศึกษาภัณฑ์ทั้ง 10 สาขา จะเห็นว่ายอดจำหน่ายรวมกัน 675 ล้านบาท เป็นกำไร 127 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเช่าพื้นที่ เงินเดือนพนักงาน ส่งผลขาดทุนรวม 127,000 บาท ซึ่งจากตัวเลขการขาดทุนมั่นใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงนำมาซึ่งการหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันของผู้จัดการร้านศึกษาภัณฑ์ทั้ง 10 สาขา
"การแก้ไขปัญหาหลัก ๆ จะดำเนินการควบคู่ไป 2 ทาง คือ การลดรายจ่าย และการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นให้น้อยลง ขยายเวลาให้บริการในสาขาที่สามารถที่ทำได้โดยทำงานเป็น 2 กะ ทุกคนช่วยกันทำงานให้มากขึ้น สาขาใดขาดคนอาจหมุนคนจากส่วนงานอื่นสมัครใจไปช่วยงานขาย"
ส่วนการเพิ่มรายได้นายวีระกุล กล่าวว่า จะต้องผลิตสินค้าใหม่ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ให้เข้มแข็ง เพิ่มร้านค้าตัวแทนให้ครอบคลุมมาก ยิ่งขึ้น ขยายลูกค้าไปยังโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดที่องค์การค้าฯ ยังเข้าไม่ถึง ผลิตสินค้า e-book บริหารทรัพย์สินที่มี ปรับปรุงระบบการผลิต ซ่อมแซมเครื่องจักรทางการพิมพ์ให้พร้อมทำงาน รวมถึงขอความร่วมมือหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนงานพิมพ์และสินค้าขององค์การค้าฯ
นายวีระกุล กล่าวถึงประเด็นที่จะมีการปิดร้านศึกษาภัณฑ์สาขาราชดำเนิน ขอทำความเข้าใจว่าไม่มีการ ปิดร้านสาขาราชดำเนินแต่อย่างใด แต่จะเป็นการย้ายร้านชั่วคราวไปยังสาขาราชบพิธและสาขาใกล้เคียง เนื่องจากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารจะดำเนินการปรับปรุงทั้งอาคาร โดยใช้งบประมาณในการปรับปรุง 150 ล้านบาท ซึ่งองค์การค้าฯ ไม่พร้อมที่จะดำเนินการเอง ดังนั้นสำนักงานทรัพย์สินฯ จึงดำเนินการปรับปรุงอาคารเอง ใช้เวลาปรับปรุง 2 ปี พร้อมกำหนดให้สิทธิองค์การค้าฯ เช่าพื้นที่เป็นรายแรก โดยองค์การค้าฯ จะเช่าพื้นที่ตามการใช้งานจริง 800-1,000 ตารางเมตร แทนการใช้ทั้งอาคาร 7,000 ตารางเมตร
“องค์การค้าของ สกสค. ตั้งขึ้นเพื่อพยุงราคาแบบเรียน สื่อการเรียนการสอนให้กับผู้ปกครอง ร้านศึกษาภัณฑ์เสมือนเป็นประวัติศาสตร์ของร้านค้าเพื่อการศึกษา โดยส่วนตัวมองว่าการขาดทุนเพียงแสนกว่าบาทคิดว่าน้อยมาก หากเราแก้ปัญหาดี ๆ ก็จะทำกำไรให้เพิ่มขึ้น และมองว่าการขึ้นราคาสินค้าจะส่งผลกระทบต่อกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากจะต้องเพิ่มงบประมาณการศึกษาอย่างมหาศาล ซึ่งปัจจุบันสำนักพิมพ์เอกชนขายหนังสือแบบเรียนราคาสูงกว่าขององค์การค้าฯ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ร้านศึกษาภัณฑ์มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปิดร้าน แต่จะต้องมีการแปรรูปการบริหารงานร้านศึกษาภัณฑ์ให้มีกำไร” นายวีระกุล กล่าว
สำหรับร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ 10 สาขา ประกอบด้วย
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาราชดำเนิน
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาลาดพร้าว
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาอ้อมน้อย
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สตรีท (เดอะฮับ ชั้น3 เซียร์รังสิต )
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาท้องฟ้าจำลอง
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาราชบพิธ
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาคุรุสภา
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาสนามกีฬาแห่งชาติ
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาอิมพีเรียลสำโรง
ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์สาขาปตท.อุตรดิตถ์