นโยบายสาธารณะที่กำหนด"ค่าเริ่มต้น (default option)" มาช่วยส่งเสริมพฤติกรรมประชาชน
รัฐควรพิจารณานโยบายสาธารณะที่ประยุกต์ใช้เรื่อง default option มาพัฒนาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งการบริจาคอวัยวะ การลดขยะ การลดการใช้กระดาษและถุงพลาสติก การจัดการดูแลตนเองและครอบครัว วัคซีน อุปกรณ์ป้องกันอันตราย รวมถึงเรื่องเมนูอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งในภาครัฐและเอกชน
สองปีก่อน (2016) กลุ่มนักวิจัยในสวีเดนทำการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม เพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษในมหาวิทยาลัย
ทำการทดลองในภาควิชาต่างๆ รวม printers 25 เครื่อง โดยเปรียบเทียบผลจากแนวทางที่ส่งจดหมายขอความร่วมมือลดใช้กระดาษด้วยการสั่งพิมพ์แบบสองด้าน กับแนวทางการตั้งค่าตั้งต้นอัตโนมัติเป็นพิมพ์สองด้านตั้งแต่แรก
ติดตามผล 15 สัปดาห์ โดยมีการสุ่มสลับมาตรการ และวัดผลเปรียบเทียบทั้งในและระหว่างกลุ่ม
พบว่า มาตรการตั้งค่าเริ่มต้น (default setting) เป็นสองด้านตั้งแต่ต้น จะสามารถลดปริมาณกระดาษได้ถึงร้อยละ 15 และมีผลยาวนานไปต่อไปจนถึง 6 เดือนเลยทีเดียว
นี่คือผลของ default option
สอดคล้องกับที่ทีมเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมของเราที่ทำทดลองเรื่องการเลือกบริโภคอาหาร ที่ได้ผลถึงราวร้อยละ 30
หรือแม้แต่กลุ่มประเทศยุโรปที่ตั้งค่าเริ่มต้นโดยกำหนดว่าประชาชนที่มาทำบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ทุกคนนั้นจะบริจาคอวัยวะ แต่หากไม่ยินยอมก็สามารถติ๊กลงช่องไม่ต้องการบริจาคได้ (opt out) ทำให้อัตราการยินยอมบริจาคนั้นสูงถึงกว่าร้อยละ 80-90 เลยทีเดียว
ดังนั้นน่าจะถึงเวลาที่เราคิดใหม่ทำใหม่ รัฐควรพิจารณานโยบายสาธารณะที่ประยุกต์ใช้เรื่อง default option มาพัฒนาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งการบริจาคอวัยวะ การลดขยะ การลดการใช้กระดาษและถุงพลาสติก การจัดการดูแลตนเองและครอบครัว วัคซีน อุปกรณ์ป้องกันอันตราย รวมถึงเรื่องเมนูอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งในภาครัฐและเอกชน