ละเอียดยิบ! พฤติการณ์‘พนม-นพรัตน์’ คดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก ได้คืน 6 ล.
เปิดละเอียดยิบ! พฤติการณ์ ‘นพรัตน์-พนม-บิ๊ก พศ.’ ในสำนวนไต่สวน ป.ป.ช. คดีเงินทอนวัด 3 แห่ง จ.ตาก เจ้าอาวาสวัดในเพชรบูรณ์ขอเงินไปแสวงบุญอินเดีย-‘นพรัตน์’จัดให้ ตั้ง กก.พิจารณาหลักเกณฑ์เงินอุดหนุน ชงกันเป็นทอด ‘พนม’ เซ็นอนุมัติ-ไร้เอกสารให้ตรวจสอบ ก่อนไปอินเดียคืน 3 ล้าน กลับมาแล้วคืนอีก 3 ล้าน
คดีเงินทอนวัด กลับมาได้รับความสนใจจากสาธารณชนกันอีกครั้ง!
ภายหลังนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. กับพวก กรณีจัดสรรงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด ประจำปีงบประมาณ 2559 จำนวน 3 แห่ง ใน จ.ตาก รวมวงเงิน 6 ล้านบาท
พฤติการณ์เบื้องต้นจากสำนวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า นายนพรัตน์ เป็นคนติดต่อไปยังเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งเพื่ออนุมัติงบในการไปศึกษาธรรมที่อินเดียให้ โดยให้เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ไปติดต่อวัด 3 แห่งใน จ.ตาก โดยเปิดบัญชีในชื่อของเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ อ้างว่า สามารถใช้งบบูรณปฏิสังขรณ์วัดได้ โดยโอนเงินไปให้ 6 ล้านบาท และเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ได้ถอนเงินมาคืนแก่นายนพรัตน์ จำนวน 3 ล้านบาทเศษ ต่อมาได้คืนอีก 3 ล้านบาท รวมเป็น 6 ล้านบาท (อ่านประกอบ : โอน 6 ล.ทอนคืนทั้งหมด! พฤติการณ์ ‘นพรัตน์’ร่วมมือเจ้าอาวาสคดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก)
เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจที่มาที่ไปของคดีนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปพฤติการณ์ตัวละครที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนี้
@เจ้าอาวาสวัดในเพชรบูรณ์ขอเงินไปแสวงบุญอินเดีย-‘นพรัตน์’จัดให้
เมื่อประมาณกลางปี 2558 นาย ส. (ชื่อย่อ) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ได้ติดต่อของบประมาณเพื่อเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย จากสำนักงาน พศ. แต่ได้รับแจ้งว่าไม่มีงบประมาณสนับสนุน นาย ส. จึงฝากเรื่องไว้ ต่อมา นายนพรัตน์ เป็นอดีต ผอ.พศ. ติดต่อนาย ส. แจ้งว่า การเดินทางไปประเทศอินเดีย สามารถใช้งบประมาณของ พศ. ได้ ในส่วนเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณและการพัฒนาวัดได้ และจะจัดการให้ แต่ให้นาย ส. ไปหารายชื่อวัดและบัญชีเงินฝากของวัดที่จะรับเงินอุดหนุน
ต่อมา นาย ส. เสนอรายชื่อวัดในเขต อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และวัดในเขต อ.บ้านตาก จ.ตาก คือ วัดยางโองบน วัดยางโองสันกลาง และวัดยางโองน้ำ โดยให้นาย ส. แจ้งเจ้าอาวาสและกรรมการของวัด 3 แห่งใน จ.ตาก ดังกล่าว ให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย และให้มอบสำเนาสมุดบบัญชีของทั้ง 3 วัดให้นาย ส.
จากนั้นนายบรรหาร เมตไตรพันธ์ เจ้าหน้าที่ พศ. ไปรับสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากของวัดทั้ง 3 แห่งจากนาย ส. โดยวัด 3 แห่งใน จ.ตาก ไม่ได้จัดทำแบบขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด เพื่อขอรับเงินจาก พศ. แต่อย่างใด โดยนายนพรัตน์ แจ้งนาย ส. ว่า เมื่อได้รับเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดแล้ว ให้วัด 3 แห่งใน จ.ตาก คืนเงินบางส่วนที่ได้รับจาก พศ. แก่นายนายนพรัตน์
@ตั้ง กก.พิจารณาหลักเกณฑ์เงินอุดหนุน
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2558 สำนักงาน พศ. มีคำสั่งที่ 836/2558 แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์และการจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระอารามหลวงในพื้นที่ 5 จ.ชายแดนใต้ และเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด (ชายแดนใต้) ประจำปีงบประมาณ 2559 โดยคณะกรรมการพิจารณาตามหลักเกณฑ์และคำสั่งที่ 836/2558 ได้ประชุมเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2558 และมีมติเรื่อง หลักเกณฑ์ในการขอรับและการจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด พ.ศ.2559 โดยเป็นเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาเฉพาะเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด (ทั่วไป)
จากนั้น สำนักงาน พศ. มีประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การขอรับและการจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระอารามหลวงในพื้นที่ 5 จ.ชายแดนใต้ และเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด (ชายแดนใต้) ประจำปีงบประมาณ 2559
ต่อมา คณะทำงานพิจารณาการขอรับสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด ตามคำสั่ง พศ. ที่ 837/2558 ในการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2558 มีมติอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดให้ 3 วัดใน จ.ตาก โดยทั้ง 3 วัดนี้ไม่ได้จัดทำแบบการขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด ไม่เป็นไปตามประกาศ พศ.
@ชงกันเป็นทอด ‘พนม’ เซ็นอนุมัติ-ไร้เอกสารให้ตรวจสอบ
โดยในการประชุมคณะทำงานพิจารณาการขอรับสนับสนุนงบประมาณเพื่ออุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดของวัดต่าง ๆ เพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณา แต่นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ หรือสงกรานต์ สาทาวงศ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน พศ. ยืนยันต่อที่ประชุมว่า ไม่มีเอกสารให้ตรวจสอบ และให้พิจารณาตามบัญชีรายละเอียดวัด และจำนวนเงินที่จัดสรรไว้ให้ และนายชยพล พงษ์สีดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผอ.พศ. ประธานคณะทำงานตามคำสั่ง พศ. ฉบับที่ 837/2558 ดังกล่าว ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งที่ประชุมว่า ให้พิจารณาจัดสรรเงินให้แก่วัดทั้งหมดตามที่นายวสวัตติ์เสนอ
ต่อมา นายฉัตรชัย ชูเชื้อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ. และในฐานะรองประธานคณะทำงานพิจารณาการขอรับสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระอารามหลวงในพื้นที่ 5 จ.ชายแดนใต้ และเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัด (ชายแดนใต้) ประจำปีงบประมาณ 2559 ได้เสนอบันทึกกองพุทธศาสนสถาน กลุ่มบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ ลงวันที่ 20 พ.ย. 2558 ถึง ผอ.พศ. (นายพนม ศรศิลป์ ขณะนั้น) ขออนุมัติการใช้จ่ายเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดทั่วไป ประจำปีงบประมาณ 2559 จ.ตาก โดยทั้ง 3 วัดดังกล่าว ได้รับการจัดสรรแห่งละ 2 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขคือ บูรณเสนาสนะ ศาลา โดยนายฉัตรชัย ได้เสนอบันทึกฉบับนี้เพื่อขออนุมัติเบิกจ่าย ผ่านนายชยพล ไปยังนายพนม ศรศิลป์ ตามลำดับเพื่อพิจารณา
@ก่อนไปอินเดียคืนก่อน 3 ล้านบาทเศษ
นายพนม ลงนามอนุมัติเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 ให้จ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดทั้ง 3 แห่งดังกล่าว แห่งละ 2 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท
เมื่อวัดทั้ง 3 แห่งได้รับเงินแล้ว ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายได้โอนเงินต่อให้กับ นาย ส. เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาทเศษ มอบให้กับนายบรรหาร เมตไตรพันธุ์ เจ้าหน้าที่ พศ. ในวันที่นาย ส. เดินทางไปอินเดีย โดยนายบรรหาร ได้นำเงิน 3 ล้านบาทเศษดังกล่าว ไปมอบให้นายนพรัตน์
@กลับจากอินเดียคืนอีก 3 ล้าน
ภายหลังนาย ส. กลับจากอินเดีย ได้ติดต่อกรรมการวัด 3 แห่งใน จ.ตาก ให้นำเงินมาคืนสำนักงาน พศ.ตาก ตรวจสอบ โดย นาย ส. ได้ติดต่อนายบรรหาร ให้ติดต่อนำเงินมาคืนให้นายนพรัตน์ก่อนจำนวน 3 ล้านบาท โดยให้วัด 3 แห่งนำเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากของแต่ละวัด และจะขอคืนภายหลัง เมื่อนาย ส. ได้รับเงินจากนายบรรหาร แล้ว ได้นำไปให้วัดทั้ง 3 แห่ง นาย ส. ได้แจ้งเจ้าอาวาส และกรรมการวัด 3 แห่ง ว่าได้เงินแห่งละ 1 ล้านบาท แต่จะขอคืนเงินภายหลัง เนื่องจากเป็นเงินที่ยืมบุคคลภายนอกมา
หากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบให้แจ้งไปว่า วัดที่นาย ส. เป็นเจ้าอาวาสได้คืนเงินครบถ้วนแล้ว เมื่อ 3 วัดดังกล่าว ได้นำเงินเข้าบัญชีของแต่ละวัดแล้ว จากนั้นทั้ง 3 วัด ได้เบิกถอนและนำไปให้นาย ส. เป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท และนาย ส. ได้มอบเงินให้กับนายบรรหาร จากนั้นนายบรรหาร จึงนำเงินจำนวนดังกล่าวมอบให้นายนพรัตน์
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งคดีเงินทอนวัดที่อยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. ที่ปัจจุบันมีจำนวน 80 เรื่อง ทำเสร็จแล้ว 19 เรื่อง อยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริง 17 เรื่อง และแสวงหาข้อเท็จจริง 44 เรื่อง
อ่านประกอบ :
โดนอีกคดี! ป.ป.ช.ไต่สวน‘นพรัตน์’ปมเงินทอนวัด จ.ตาก-แจ้งข้อกล่าวหา 2 ครั้งไร้คนรับ
ป.ป.ช.บี้สำนักพุทธฯเอาผิด จนท.ให้ถ้อยคำเท็จคดีเงินทอนวัด-ลุยสอบทรัพย์สินเชิงลึกด้วย
‘นพรัตน์-พนม-ประนอม’ไม่รอด!ป.ป.ช.เชือด 2คดีโกงงบ พศ.โอนวัด ตปท.5ล.-เงินทอน17ล.
พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ถูก ป.ป.ช. ฟันคดีโอนให้วัด ตปท.5 ล.-เงินทอน 6 วัด 17 ล.
คตช.ลุยปราบทุจริตเงินทอนวัด331คดี!เผยผลใช้ ม.44ฟันแล้ว73คน-เอาผิดไม่ได้58คน
เปิด7สำนวนคดีเงินทอนวัดในชั้น ป.ป.ช.-3‘บิ๊ก พศ.’ถูกสอบ-เสียหายหลาย จว.