- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ถูก ป.ป.ช. ฟันคดีโอนให้วัด ตปท.5 ล.-เงินทอน 6 วัด 17 ล.
พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ถูก ป.ป.ช. ฟันคดีโอนให้วัด ตปท.5 ล.-เงินทอน 6 วัด 17 ล.
“…นายนพรัตน์ ได้พบกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ในงานพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้แจ้งกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ว่าจะขอนำเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด โอนผ่านเข้าบัญชีเงินฝากของวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากของวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ที่มีพระสุทธิพงศ์ เป็นเจ้าอาวาส…”
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดคดีเกี่ยวกับการทุจริตเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปี 2556 และปี 2558 จำนวน 2 สำนวน ได้แก่ คดีโอนเงินให้วัดต่างประเทศ 5.7 ล้านบาท และคดีเงินทอนวัดใน จ.ลำปาง 5 แห่ง และ จ.แพร่ 6 แห่ง โอนเงินไป 24 ล้าน แต่ทอนเข้ากระเป๋าตัวเอง 17.8 ล้านบาท
การชี้มูลครั้งนี้มีอดีตข้าราชการระดับสูงใน พศ. โดนด้วย 3 ราย ได้แก่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. และนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และ น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีต รอง ผอ.พศ. นอกจากนี้ยังมีข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอดีตพระระดับเจ้าอาวาสถูกชี้มูลความผิดด้วย (อ่านประกอบ : ‘นพรัตน์-พนม-ประนอม’ไม่รอด!ป.ป.ช.เชือด 2คดีโกงงบ พศ.โอนวัด ตปท.5ล.-เงินทอน17ล.)
ตามรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีรายละเอียดน่าสนใจ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
@คดีโอนเงินให้วัดไทยเดนมาร์กฯ 5.7 ล้านบาท ผิดหลักเกณฑ์ พศ.
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน ฟังได้ว่า ในปีงประมาณ 2556 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานงบประมาณ โครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ซึ่งในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าพระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ได้ติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยแจ้งว่าจะขอนำเงินอุดหนุน ผ่านบัญชีของทางวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อไปยังวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร เนื่องจากไม่สามารถโอนเงินให้วัดที่อยู่ต่างประเทศได้โดยตรง โดยพระสุทธิพงศ์ แจ้งว่าได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวกับนายนพรัตน์ ไว้แล้ว
ต่อมา นายนพรัตน์ ได้พบกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ในงานพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้แจ้งกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ว่าจะขอนำเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด โอนผ่านเข้าบัญชีเงินฝากของวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากของวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ที่มีพระสุทธิพงศ์ เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากไม่สามารถโอนเงินให้วัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ซึ่งเป็นวัดไทยที่อยู่ต่างประเทศได้โดยตรง จากนั้นนายนพรัตน์ ได้สั่งการให้ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน ดำเนินการจัดทำเอกสารเพื่ออนุมัติเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ในวันที่ 25 ธันวาคม 2555 นายวสวัตติ์ ได้จัดทำบันทึกกองพุทธศาสนสถาน ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2555 เพื่อจัดสรรเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 3,000,000 บาท เสนอนายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน พิจารณาและลงนามในเอกสารการขออนุมัติการใช้จ่ายเงินประจำงวดและเสนอเรื่องต่อนายพนม ศรศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาและลงนามเพื่อเสนอเรื่องต่อนายนพรัตน์ พิจารณาอนุมัติ ซึ่งนายนพรัตน์ อนุมัติให้จัดสรรเงินดังกล่าวให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า
ครั้งที่ 2 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 นายวสวัตติ์ จัดทำบันทึกกองพุทธศาสนสถาน ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อจัดสรรเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 3,000,000 บาท เสนอนายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน พิจารณาและลงนามในเอกสารการขออนุมัติการใช้จ่ายเงินประจำงวดเพื่อเสนอต่อนายนพรัตน์ พิจารณาอนุมัติ ซึ่งนายนพรัตน์ อนุมัติให้จัดสรรเงินดังกล่าวให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า
เมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า ในวันที่ 8 มกราคม 2556 จำนวน 3,000,000 บาท และวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 3,000,000 บาท เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ได้โอนเงินดังกล่าวให้พระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยในประเทศเดนมาร์ก ตามเลขที่บัญชีเงินฝากที่ได้รับแจ้งจากพระสุทธิพงศ์ ในวันที่ 9 มกราคม 2556 จำนวน 2,899,970 บาท และวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 2,899,970 บาท รวมทั้งสิ้น 5,799,940 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเห็นว่าการดำเนินการจัดสรรเงินดังกล่าวทั้ง 2 ครั้ง ได้มีการพิจารณาจัดสรรไปโดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยการขอและการจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด กล่าวคือไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ประจำปี 2556 ของวัดพระพุทธบาทตากผ้า และไม่ได้มีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยการขอและการจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด และไม่ได้มีการประชุมคณะทำงานพิจารณาการขอรับเงินอุดหนุน กันจริง
รวมถึงได้มีการจัดทำรายงานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาการขอรับสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด ประจำปีงบประมาณ 2556 อันเป็นเท็จขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าด้วยการขอและการจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ประจำปีงบประมาณ 2556 และเพื่อไว้เป็นหลักฐานสำหรับ การตรวจสอบ ซึ่งการอนุมัติเงินดังกล่าวนอกจากไม่ชอบด้วยด้วยหลักเกณฑ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นการเบียดบังเงินทรัพย์สินของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นของตนเองหรือผู้อื่น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ นายพนม นายเฉลิมพล นายวสวัตติ์ และพระสุทธิพงศ์ ทั้งความผิดทางอาญา และความผิดทางวินัย โดยส่งรายงานให้กับผู้บังคับบัญชา และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องต่อศาลในเขตรับผิดชอบแล้ว
@คดีงบอุดหนุน 6 วัดลำปาง-แพร่ โอน 24 ล้าน ทอนคืน 17.8 ล้าน
จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า ในช่วงประมาณปลายปี 2557 พระศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี เจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อในขณะนั้น ได้ติดต่อไปยังนางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาสุทธิ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอความช่วยเหลือในการขอเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดประจำปีงบประมาณ 2558 ซึ่งต่อมานางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ ได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งยังนางสาวประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน
โดยนางสาวประนอม คงพิกุล ได้แจ้งนางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ ว่าให้ไปแจ้งแก่วัดที่ต้องการเงินงบประมาณ ว่าหากวัดต้องการที่จะได้รับเงินงบประมาณจะต้องโอนเงินคืนมาประมาณ 70 – 80 % จากนั้นนางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ จึงได้ติดต่อไปยังพระศิวโรจน์ เกี่ยวกับเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งเมื่อพระศิวโรจน์ ได้ยอมรับเงื่อนไขแล้ว ก็ไปติดต่อวัดต่างๆ ที่ตนรู้จัก ได้แก่ ในจังหวัดลำปาง ประกอบด้วย วัดวัฒนาราม วัดอุมลอง วัดทุ่งต๋ำ วัดหาดปู่ด้าย และจังหวัดแพร่คือวัดศรีบุญนำ โดยอ้างว่าตนสามารถช่วยเหลือให้ได้รับงบประมาณได้ และได้แจ้งชื่อวัดทั้ง 6 วัด ประกอบด้วย วัดบ้านอ้อ ซึ่งเป็นวัดที่พระศิวโรจน์ เป็นเจ้าอาวาสเอง วัดวัฒนาราม วัดอุมลอง วัดทุ่งต๋ำ วัดหาดปู่ด้าย และวัดศรีบุญนำ ให้แก่นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ
ต่อมานายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางสาวประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สั่งการให้นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน ดำเนินการจัดทำเอกสารบันทึกขออนุมัติการ ใช้จ่ายเงินประจำงวด เพื่อเสนอชื่อวัดที่นางสาวประนอม คงพิกุล ได้ติดต่อไว้แล้ว เพื่อเสนอต่อนายพนม ศรศิลป์ ให้อนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด และนายพนม ศรศิลป์ ได้อนุมัติเงินงบประมาณวัดละ 4,000,000 บาท
เมื่อได้มีการอนุมัติเงินงบประมาณแล้วนางสาวประนอม คงพิกุล จึงให้นางณัฐฐาวดี ไปแจ้งพระศิวโรจน์ ว่าวัดต่างๆ จะต้องโอนเงินกลับคืนมาจำนวนเท่าใด และพระศิวโรจน์ เมื่อได้รับเงินโอนกลับคืนมาแล้วจะต้องโอนเงินต่อไปยังบัญชีของบุคคลดังนี้ 1. นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ 2. พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และ 3. นางสาวอุบล ดิษฐ์ด้วง ซึ่งในรายของพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และนางสาวอุบล ดิษฐ์ด้วงนั้น นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ ไปขอใช้บัญชีดังกล่าวตามคำสั่งของนางสาวประนอม คงพิกุล
หลังจากนั้นพระศิวโรจน์ ได้ไปแจ้งแก่เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวทั้ง 5 วัด และดำเนินการโอนเงินจากบัญชีของวัดดังกล่าว และวัดบ้านอ้อ ซึ่งตนเป็นเจ้าอาวาสอยู่ด้วย มายังบัญชีส่วนตัวของพระศิวโรจน์ ต่อมาพระศิวโรจน์ได้โอนเงินไปยังบุคคลที่นางณัฐฐาวดี ได้แจ้งไว้หลังจากที่ได้รับเงินแล้ว และนางณัฐฐาวดี ได้ถอนเงินให้แก่นางสาวประนอม คงพิกุล ตามที่นางสาวประนอม ได้สั่งการ ส่วนนางสาวอุบล ดิษฐ์ด้วง และพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ นั้น นายวสวัตติ์ ได้ดำเนินการพาไปถอนเงิน และเมื่อได้รับเงินแล้ว จึงนำเงินไปให้นางสาวประนอม คงพิกุล
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิด นายพนม น.ส.ประนอม นายวสวัตติ์ นางณัฐฐาวดี และนายศิวโรจน์ (สึกจากการเป็นพระแล้ว) ทั้งความผิดทางอาญา และวินัยร้ายแรง พร้อมกับส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา และส่งให้ อสส. ดำเนินการฟ้องต่อศาลในเขตรับผิดชอบแล้ว
ปัจจุบันคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินงบประมาณ พศ. อยู่ในมือคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวม 80 เรื่อง ทำเสร็จแล้ว 19 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง 17 เรื่อง และแสวงหาข้อเท็จจริง 44 เรื่อง
อ่านประกอบ :
คตช.ลุยปราบทุจริตเงินทอนวัด331คดี!เผยผลใช้ ม.44ฟันแล้ว73คน-เอาผิดไม่ได้58คน
เปิด7สำนวนคดีเงินทอนวัดในชั้น ป.ป.ช.-3‘บิ๊ก พศ.’ถูกสอบ-เสียหายหลาย จว.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพนม จาก มติชนออนไลน์, ภาพนายนพรัตน์ จาก dmctv, ภาพ น.ส.ประนอม จาก postjung