เปิดบทวิเคราะห์ความลับจีที200 จนท.อังกฤษรู้เห็นทุจริต? ไทยถูกหลอกเชื่อสนิทใจของดีใช้ได้
"...รัฐบาลไทยก็อาจจะเป็นอีกรัฐบาลหนึ่งที่ถูกหลอกโดยเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษ โดยรัฐบาลไทยอาจจะเชื่อแบบสนิทใจ เนื่องจากถูกชักจูงจากเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูง เจ้าหน้าที่สนับสนุนการขายจากกองทัพอังกฤษเข้ามามีส่วนเป็นตัวแทนและมีบทบาทในการดำเนินการการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการซื้อขาย GT200 เกิดขึ้นจริงๆ..."
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายงานข้อมูลเบื้องหลังที่มาที่ไปของ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 ที่จัดทำโดยมูลนิธิ World Peace Foundation (WPF) ซึ่งเป็นมูลนิธิในสังกัดของโรงเรียนสอนกฎหมายและการทูต เฟลทเชอร์ ของมหาวิทยาลัยทัฟส์ (The Fletcher School of Law and Diplomacy at Tufts University) ที่มักมีการมีจัดทำรายงานรวบรวมประเด็นทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธทั่วโลกไว้ มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
ข้อมูลสำคัญที่ปรากฎอยู่ในรายงานฉบับนี้ คงหนีไม่พ้น ที่มาที่ไปของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 ซึ่งมาจากเครื่องค้นหาลูกกอล์ฟที่ชื่อว่า Gopher ก่อนจะมีการประยุกต์ให้ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อนำไปขายเป็นเครื่องตรวจจับระเบิดในแต่ละรุ่น โดยต้นทุนอุปกรณ์ดังกล่าวนั้นมีราคาแค่ประมาณ 2 ปอนด์ (85 บาท) ในการประกอบขึ้นมาต่อ 1 เครื่อง แต่สามารถขายได้ถึงเครื่องละ 5,000 ปอนด์(2.1แสนบาท)ต่อเครื่อง และในบางครั้งราคาขายก็สูงถึง 22,000 ปอนด์ (9.26 แสนบาท )หรืออาจจะสูงถึง 500,000 ปอนด์ (2.1ล้านบาท)ต่อเครื่อง (อ่านประกอบ:เปิดรายงานลับ จีที200 ฉบับ WPF พัฒนาจากเครื่องค้นหาลูกกอล์ฟ-ต้นทุน 85 บ.ขาย2.1ล้าน)
คราวนี้ มาลองดูข้อมูลบทวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาการสอบสวนคดีจัดซื้อเครื่อง GT 200 ของประเทศไทย ในมุมมองต่างประเทศกันบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา สืบค้นรายงานที่เกี่ยวข้องกับ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 พบว่าในช่วงเดือน มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา นายโทนี่ คาร์ตาลุชชี่ ที่เคยวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองไทยมาหลายครั้ง ได้รวบรวมบทความจากสื่อในต่างประเทศ เพื่อตั้งข้อสังเกตุว่าการขาย GT200 ให้กับรัฐบาลไทยนั้น อาจมีบุคลากรระดับสูงของทางการอังกฤษเข้ามามีส่วนรู้เห็นด้วย
โดยสาระสำคัญของบทวิเคราะห์มีดังต่อไปนี้
ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่า การขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดของบริษัท Global Technical ทั่วโลกนั้น จะมีบุคลากรตั้งแต่ในกองทัพอังกฤษ เอกอัครราชทูตของอังกฤษ จนไปถึงบุคลากรในกรมการธุรกิจ นวัตกรรม และความเชี่ยวชาญ (Department for Business, Innovation and Skills) มีส่วนทำหน้าที่สนับสนุนการขาย ซึ่งส่งผลทำให้ชีวิตของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในหลายประเทศต้องตกอยู่ในความเสี่ยง รวมไปถึงตำรวจและทหารที่เสียชีวิตทั้งในประเทศอิรักและในประเทศไทย
แต่ในประเทศไทยเพิ่งจะมีการตื่นตัวกับเรื่องทุจริตกรณีจัดซื้อเครื่อง GT200 ไม่นานมานี้ ภายหลังจากที่สื่อซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐและสหราชอาณาจักรได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองไทยอย่างรุนแรง แต่กลับไม่พูดถึงประเด็นที่ว่าบุคลากรในรัฐบาลอังกฤษมีส่วนในการโฆษณาขายเครื่องตรวจจับระเบิดที่ไม่สามารถใช้งานได้ให้กับประเทศไทยที่ได้นำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 ไปใช้งานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
@ การเปิดเผยของ BBC และ The Guardian ต่อกรณีบทบาทการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด
ในช่วงปี 2554 สื่อ BBC ในลงบทความในหัวข้อบทบาทของรัฐบาลอังกฤษต่อการขายเครื่องตรวจจับระเบิดที่ใช้การไม่ได้ตอนหนึ่ง (UK government promoted useless 'bomb detectors') โดยระบุว่า
รัฐบาลอังกฤษได้ยอมรับว่าทั้งกองทัพและฝ่ายพลเรือนได้ให้ความช่วยเหลือในการขายอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดที่ใช้งานไม่ได้ทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามการส่งออกเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดนั้นก็ได้ถูกระงับไปในช่วงเดือน ม.ค. 2553 หลังจากตรวจพบว่าทำให้ทหารอังกฤษและประเทศพันธมิตรที่ประจำอยู่ในอิรักและอัฟกานิสถาน ต้องเสี่ยงอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ในรายการ Newsnight ของ BBC ยังได้เผยแพร่ด้วยว่าเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดดังกล่าวนี้ไม่สามารถจะตรวจจับระเบิดหรืออะไรได้เลย แต่ก็ยังน่าแปลกใจว่าทำไมถึงยังมีการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดชนิดนี้
ทั้งนี้ BBC ยังเน้นย้ำว่าทีมขายจากสถาบันวิศวกรรมอังกฤษ ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อสาธิตการใช้งาน GT200 ที่แม้แต่กองทัพอังกฤษเองยังถือว่าไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน
นอกจากนี้ BBC ยังได้ระบุบทความเน้นว่ากรมการธุรกิจ นวัตกรรม และความเชี่ยวชาญยังได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทที่ผลิตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดขายผลิตภัณฑ์ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมการห้ามไม่ให้ขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดแบบในกรณีที่อิรักและอัฟกานิสถานนั้นถึงไม่ขยายไปยังประเทศอื่นด้วย
นอกจากนี้ BBC ยังได้เขียนอีกบทความหนึ่งชื่อว่าเครื่องราวและความเป็นมาเป็นไปของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม (The story of the fake bomb detectors) โดยระบุว่ามีกระบวนการที่ไม่สุจริตในช่วงการสาธิตผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผลการสาธิตออกมาว่าผลิตภัณฑ์นั้นใช้งานได้ อาทิ เช่น ผู้ที่ออกมาตั้งข้อสงสัยความน่าเชื่อถือของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจะถูกตั้งข้อครหาที่ทำให้อับอายในสังคม และผู้ใช้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจะได้รับคำแนะนำอย่างเคร่งครัดว่าห้ามเปิดดูภายในอุปกรณ์อย่างเด็ดขาด เพราะจะกระทบต่อเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนซึ่งอยู่ภายในตัวเครื่อง
นอกจากนี้อุปกรณ์บางรุ่นยังมีการแถมการ์ดมาด้วย โดยการ์ดที่ว่านั้นมีการอ้างว่าสามารถตรวจสอบได้ทั้งระเบิด สิ่งมีชีวิต ธนบัตร แม้ว่าสิ่งที่ถูกตรวจสอบเหล่านั้นจะอยู่ใต้คอนกรีต ใต้น้ำ หรืออยู่ในระยะห่างไกลมากๆก็ตาม ซึ่งในภายหลังก็มีการพิสูจน์แล้ว่าคำกล่าวอ้างเหล่านั้นเป็นเรื่องโกหก
ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ ที่ตั้งคำถามถึงขบวนการการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่ปรากฏแล้วว่าเป็นแค่กล่องพลาสติกกับเสาอากาศโดดๆ ที่ถูกอ้างว่าเป็นเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด โดยมีอดีตเอกอัครราชทูตอังกษ และฝ่าบสนับสนุนการขายของกองทัพอังกฤษเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเหล่านี้ด้วย และแน่นอนว่ารัฐบาลอังกฤษก็น่าจะรู้เห็นเป็นใจกับกรณีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
@เครื่อง GT200 ไม่อาจขายได้เลย หากไม่มีการรู้เห็นจากทางลอนดอน
สื่อ Independent ของอังกฤษได้ออกรายงานออกมาอีกตัวหนึ่งระบุว่า ทั้งทหารอังกฤษและเอกอัครราชทูตอังกฤษมีส่วนร่วมในกระบวนการขายเครื่องตรวจจับระเบิดปลอมอย่างไรบ้าง (How UK soldiers and ambassador were enlisted to help sell fake bomb detectors) โดยระบุว่านาย กิลส์ แพ็กซ์แมน (Giles Paxman) อดีตทูตอังกฤษประจำประเทศเม็กซิโกได้เขียดจดหมายถึงบุคคลระดับสูงในรัฐบาลเม็กซิโกเพื่อรับรองนายแกรี่ โบลตั้น (Gary Bolton) นักธุรกิจจากเมืองเคนท์ ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 ว่าสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้ในระยะ 700 เมตร
ทั้งนี้อดีตเอกอัครราชทูตอาจจะไม่เคยรับรู้เคยว่าประโยชน์ของเครื่องมือชนิดนี้นั้นไม่ต่างจากเสาอากาศกลวงๆที่ติดอยู่บนรถยนต์ โดยหากคิดจากต้นทุนแล้วจะพบว่าการผลิตเครื่องมือนี้นั้นใช้ต้นทุนแค่ประมาณ 2 ปอนด์ (85 บาท)เท่านั้นในการประกอบขึ้นมาต่อ 1 เครื่อง แต่สามารถขายได้ถึงเครื่องละ 15,000 ปอนด์(6.4 แสนบาท)
ขณะที่สื่อ The Guardian ยังระบุถ้อยคำในจดหมายของนายกิลส์ที่ใช้คำพูดว่าบริษัทด้านความปลอดภัยที่มีความน่าเชื่อถือในระดับดีเลิศ โดยนายกิลส์ยังได้จัดให้มีการพบปะกันระหว่างบริษัทที่ขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 และตัวแทนจากรัฐบาลเม็กซิโก
และนี่ถือว่าเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมบริษัทที่ขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด สามารถเร่ขายเครื่อง GT200 ให้กับประเทศพันธมิตรของอังกฤษได้
นายกิลส์ แพ็กซ์แมน อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเม็กซิโก
กลับมาที่สื่อ Independent ยังได้กล่าวหาอีกว่านายแกรี่ โบลตั้นนั้นมีความสามารถในการใช้เส้นสายเพื่อให้เอกอัครราชทูตของอังกฤษเข้ามาสนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของเขา ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ราชการของอังกฤษที่ปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลกนั้นสามารถถูกจ้างพื่อให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอด และรัฐบาลกลางอังกฤษก็ไม่เคยตรวจสอบอย่างจริงจังเลยว่าผลิตภัณฑ์ใดที่รัฐบาลได้ทำการโฆษณา แต่ไม่สามารถใช้งานได้
“ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว 8 ปีก่อนที่นายกิลส์จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง นักวิทยาศาสตร์จาก Home Office ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเครื่องมือของนายแกรี่นั้นใช้งานไม่ได้ และได้พยายามส่งคำเตือนไปยังหน่งวยงานที่รับผิดชอบด้านการต่างประเทศ กรมตำรวจ กระทรวงกลาโหม สถาบันวิศวกรรมอังกฤษ และกรมราชทัณฑ์” สื่อ Guardian ระบุ
หรือจะให้สรุปในอีกนัยยะหนึ่งก็คือ รัฐบาลอังกฤษรู้ดีอยู่แล้วว่าเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดใช้งานไม่ได้ จึงไม่ได้นำมาใช้ทั้งในประเทศและในกองทัพ แต่ก็ยังเลือกที่จะขายให้ชาติพันธมิตรอยู่ดี
รัฐบาลอังกฤษใช้ทั้งการกดดัน และชื่อเสียงของตัวรัฐบาลอังกฤษเองเพื่อให้ชาติพันธมิตรซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดชนิดนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่ปฏิบัติงานและจะทำให้เกิดการจับกุมอาชญากรที่ผิดตัวได้
ในกรณีนี้สื่อ Independent ยังได้ระบุอีกว่าผู้ที่ผลิต GT200 ก็รับรู้ว่าการเข้ามามีส่วนร่วมของรัฐบาลอังกฤษจะเป็นการเพิ่มมูลค่าในการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่ถูกประยุกต์จากเครื่องค้นหาลูกกอล์ฟให้กับประเทศอย่างไทย บาห์เรน และประเทศในแอฟริกาเป็นอย่างมาก
@ ประเทศไทยถูกหลอก และถูกหักหลังโดยประเทศพันธมิตร
รัฐบาลไทยก็อาจจะเป็นอีกรัฐบาลหนึ่งที่ถูกหลอกโดยเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษ โดยรัฐบาลไทยอาจจะเชื่อแบบสนิทใจ เนื่องจากถูกชักจูงจากเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูง เจ้าหน้าที่สนับสนุนการขายจากกองทัพอังกฤษเข้ามามีส่วนเป็นตัวแทนและมีบทบาทในการดำเนินการการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการซื้อขาย GT200 เกิดขึ้นจริงๆ
นอกจากนี้การพบปะเพื่อซื้อขายผลิตภัณฑ์เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ที่ถูกจัดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่อังกฤษระดับสูงที่เบื้องหลังมีส่วนร่วมในการทุจริต จึงทำให้สื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษนั้นรู้ได้ว่าการสอบสวนสืบสวนเพื่อจะให้ไปถึงตัวเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษที่เป็นผู้กระทำการทุจริตนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพบปะเพื่อซื้อขายผลิตภัณฑ์เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดด้วย เพราะเหตุนี้เองทางเจ้าหน้าที่อังกฤษที่กระทำความผิดจึงมีความมั่นใจว่าจะเล็ดรอดจากการถูกดำเนินคดีไปได้ โดยอย่างมากที่สุดก็อาจจะแค่รับโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สิ่งที่ทางรัฐบาลไทยน่าจะได้รับจากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ซื้อขายที่ทุจริตในครั้งนี้ ก็คือ การตระหนักว่าแม้แต่ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด แท้จริงแล้วก็อาจะเป็นผู้ที่ไม่น่าใว้วางใจที่สุดเช่นกัน และอาจจะบ่งบอกได้เลยว่าประเทศตะวันตกนั้นไม่สนใจชีวิตของบุคคลากรในประเทศอื่นๆที่นำเอาเครื่อง GT200 ไปใช้งานเลยแม้แต่น้อย
(บทความดั้งเดิม :http://landdestroyer.blogspot.com/2016/06/gt200-how-london-sold-fake-bomb.html)
ทั้งหมดนี้คือบทวิเคราะห์ของ นายโทนี่ คาร์ตาลุชชี่ ได้จัดทำขึ้นโดยรวบรวมบทความจากสื่อชื่อดัง เพื่อตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐของอังกฤษอาจมีส่วนร่วมในการขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่ไม่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก
ขณะที่ประเทศไทย ถูกหลอก และถูกหักหลังโดยประเทศพันธมิตร?
อ่านประกอบ:
เปิดรายงานลับ จีที200 ฉบับ WPF พัฒนาจากเครื่องค้นหาลูกกอล์ฟ-ต้นทุน 85 บ.ขาย2.1ล้าน
ตามไปดูบ.เอวิเอ หลังแพ้คดีขายจีที200 -รปภ.ปัดไม่รู้จักผู้บริหารโดนโทษจำคุกคนเดียว19 ปี
ผู้บริหารเอวิเอ โดนคุกอีก10 ปี! DSI เผยคำพิพากษาคดีขายจีที200 กรมสรรพาวุธทหารบก
จำคุก 9 ปี!ผู้บริหาร บ.เอวิเอฯขาย GT200 ให้กรมราชองครักษ์-ยื่น 9 แสนประกันตัวสู้ต่อ
ย้อนข้อมูล บ.เอวิเอฯ คู่ค้ากองทัพอื้อ1.3 พันล. ก่อนกรมราชองครักษ์ฟ้องชนะคดีซื้อจีที 200
เช็คท่าที 'กองทัพบก-กองทัพเรือ-2อบจ.' หลังกรมราชองครักษ์ฟ้องชนะคดีซื้อจีที 200
สัญญาโมฆะ-ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้!ชนวน บ.เอวิเอฯแพ้คดีGT200 ชดใช้9ล.
ไม่รับฎีกา! หลังศาลแพ่งสั่งเอวีเอฯ ชดใช้กรมราชองครักษ์9 ล. ซื้อเครื่องจีที200
19 สัญญา 688 ล.!เจาะข้อมูล7 หน่วยงานรัฐซื้อจีที200 ก่อนผู้ผลิตโดนยึดทรัพย์