เขาชื่อ ‘กานต์’ ผู้เขียน นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ
“มีโอกาสฟังคุณหมอโอ๊ต-พงศกร คุณเอียด-ปิยะพร ศักดิ์เกษม คุณปุ้ย-กิ่งฉัตร เล่ากันในโต๊ะอาหารบ่อยครั้ง อย่างคุณหมอโอ๊ต พูดเสมอว่า จะลงมือเขียนต้องเห็นภาพทั้งเรื่องเหมือนภาพยนตร์แล้ว ซึ่งเราทำวิธีเดียวกัน”
‘แพรรภัส’ นักเขียนนิยายรักชื่อดังก้องฟ้าเมืองไทย ตัดสินใจไปเที่ยวหลวงพระบางตามลำพัง เพียงเพื่อจะตามรอยนิยายรักเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนชื่นชอบเป็นพิเศษ...การไปหลวงพระบางในครั้งนี้ เธอได้พบชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งสร้างความสดใสให้กับหัวใจ จนทำให้นักเขียนสาวตัดสินใจเขียนนิยายเรื่องใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างเขาและตัวเธอเอง...เรื่องราวในนิยายนั้นดำเนินไปอย่างมีความสุข หากเรื่องราวในชีวิตจริงของแพรรภัสกลับไม่สวยสดงดงามอย่างที่หวัง
เรื่องย่อบางช่วงของนวนิยาย ‘นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ) จากเว็บไซต์ ‘อ่านเอา’ ประพันธ์โดย ‘กานต์’ นักเขียนหน้าใหม่ของวงการอักษร ซึ่งหากเอ่ยชื่อนามปากกา หลายคนอาจไม่รู้จัก ขณะเดียวกัน สงสัยว่า เขาหรือเธอคนนี้คือใคร?
แน่นอนว่า แม้เขาจะเป็นหน้าใหม่ในฐานะนักเขียนนวนิยาย แต่ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการหนังสือแน่ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ล้วนคลุกคลีโลดแล่นจับปากกาถือหนังสือมาโดยตลอด
ใช่แล้ว...เขาคือ ‘กรู๊ฟ’ อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ กรรมการผู้จัดการและบรรณาธิการบริหาร Groove Publishing หนุ่มหนวด ร่างใหญ่ แต่หัวใจคิขุ
“ก่อนที่จะเผยแพร่ใน ‘อ่านเอา’ คำถามแรก คือ ดีพอหรือยัง ไม่ใช่เพราะเราเป็นเจ้าของแล้วนำนิยายมาลงได้ ดังนั้นจึงพูดเสมอว่า ยิ่งเราเป็นเจ้าของ ยิ่งต้องรู้สึกว่า ทำแล้วดีหรือไม่ ไม่ใช่ทำแล้วไม่ดี แล้วจะเขียนทำไม”
ประโยคแรกที่ ‘กรู๊ฟ’ บอกกับ ‘พราวกระซิบ’ ในวันที่เราสองคนเจอกัน ซึ่งถือว่าให้เกียรติกับสำนักข่าวอิศราเป็นที่แรก โดยมี ‘คุณหมอโอ๊ต -พงศกร’ นักเขียนชื่อดัง ในฐานะบรรณาธิการเล่มนวนิยายเรื่องนี้ติดตามมาด้วย
กรู๊ฟ เล่าต่อว่า เขียนนิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ ‘จนจบบริบูรณ์’ ตั้งแต่ ม.ค.ปี 2560 จากนั้นวางไว้โดยไม่ได้ทำอะไรต่อเลย เพราะเรารู้สึกว่า ยังไม่ดีพอ! ที่สำคัญ ส่งให้คุณหมอโอ๊ตอ่านเพียงคนเดียว ซึ่งได้รับคำชมว่า ใช้ได้ ต่อมา ได้จังหวะ (ชีวิต) ช่วงนั้นสำนักพิมพ์มีงานเขียนของ ‘เก้าแต้ม’ (มีชื่อเสียงมาก) เสนอเข้ามาพอดี ซึ่งเป็นแนวเรื่องเดียวกันกับเรา จึงแกล้งตัดชื่อในต้นฉบับออก เพื่อส่งให้ทีมงานอ่าน บอกกับพวกเขาว่า เป็นผลงานของนักเขียนใหม่ทั้งสองคน ให้ลองโหวตจะพิมพ์เรื่องไหน
“ส่งให้ทีมงานอ่าน กำชับว่า ให้อ่านเอาเรื่อง ให้รู้ว่า สนุกไหม ภาษาเป็นอย่างไร สมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่ง ‘เก้าแต้ม’ ได้คะแนนโหวต 9.5 ส่วนเราได้ 9 จากคะแนนเต็ม 10 ซึ่งทีมงานบอกว่า สนุกโดยไม่รู้ว่าเป็นเรา เพิ่งมารู้ตอนที่ใกล้เปิดตัวแล้ว เพราะขณะที่เผยแพร่ใน ‘อ่านเอา’ ยังไม่มีใครรู้เลย”
ทั้งนี้ ยอมรับว่า เดิมทีกังวลไม่น้อยในเรื่อง bias ด้วยความที่เราเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ จึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ประจักษ์ว่า ทำได้ แต่ตั้งใจให้เป็นความลับตั้งแต่ต้นว่า กานต์คือใคร ดังนั้นจึงต้องปล่อยให้เป็นความลับต่อไป จนกระทั่งวันนี้ยอมเปิดตัว
เมื่อถามถึงการวางพล็อตเรื่อง เขาตอบว่า ใช้หลวงพระบางเป็นฉากเท่านั้น ความจริงเวอร์ชั่นเขียนครั้งแรก ตั้งใจให้แพรรภัส ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องตามรอยนวนิยายเรื่อง ‘รอยไหม’ ประพันธ์โดย พงศกร แต่ด้วยความที่เราต้องการให้เป็นความลับว่า กานต์คือใคร ดังนั้น หากเขียนชื่อเรื่องนี้เข้าไป ผู้อ่านจะรู้ทันทีว่า ผู้เขียนย่อมเป็นคนใกล้ชิดกับคุณหมอโอ๊ต-พงศกร แน่นอน จึงต้องตัดชื่อ รอยไหม ออกไปทั้งหมด
แล้วด้วยความที่เดินทางไปท่องเที่ยวหลวงพระบางหลายรอบ ทำให้ชื่นชอบและอยากนำมาเป็นฉากในนวนิยาย แต่ไม่ได้มีความสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด เพราะใช้เป็นสถานที่นางเอกกับพระเอกเจอกันเท่านั้น ในขณะที่เรื่องราวส่วนใหญ่บอกเล่าเกี่ยวกับวงการนวนิยายในกรุงเทพฯ
กรู๊ฟ บอกต่อว่า การวางพล็อตนวนิยายเรื่องนี้ไม่ยาก เพราะมีความเป็นเรื่องเบา ๆ “มีโอกาสฟังคุณหมอโอ๊ต-พงศกร คุณเอียด-ปิยะพร ศักดิ์เกษม คุณปุ้ย-กิ่งฉัตร เล่ากันในโต๊ะอาหารบ่อยครั้ง อย่างคุณหมอโอ๊ต พูดเสมอว่า จะลงมือเขียนต้องเห็นภาพทั้งเรื่องเหมือนภาพยนตร์แล้ว ซึ่งเราทำวิธีเดียวกัน”
โดยตั้งตั้งละครขึ้นมา มีนางเอกเป็นนักเขียน อยากมีความรัก แต่กลับประสบปัญหาในชีวิตมากมาย พาตัวละครไปเล่นกับความน้ำเน่าเล็กน้อย โดยให้เขียนนวนิยายน้ำเน่า แต่ชีวิตจริงกลับน้ำเน่ากว่าอีก ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงตอนจบของเรื่อง แอบคิดว่า จบเล็กไปไหม แต่พอนึกทบทวน ชีวิตจริงของคนเราก็เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นตัวร้ายอาจไม่จำเป็นต้องถูกแฉในงานประกวดรางวัล หรือฆ่าตัวตายเสมอไป
เขียนเรื่องเบา ๆ เพราะส่วนตัวอาจเป็นคนอารมณ์ดี เขาตอบเป็นไปได้ (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้เคยเขียนเรื่องสั้นส่งให้คุณหมอโอ๊ตอ่าน เขาก็บอกว่า ตัวละครพูดเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีตัวร้ายเลย ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะเราไม่อยากเขียนสิ่งไม่ดีลงไป ไม่ได้บอกว่าเป็นคนอารมณ์ดีอะไรมากมาย แต่เพราะตอนนั้นมีความรู้สึกแบบนั้นเลยเขียนแบบนั้นไปมากกว่า
“นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ ใช้เวลาเขียนจริง ๆ น้อยมาก ครั้งแรกเขียนไปได้ 5 ตอน งงกับตัวเองเหมือนกันว่า ทำได้อย่างไร ตอนนั้นเขียนโดยไม่ย้อนกลับมาอ่านเลย แต่พอลองย้อนกลับมาสรุปว่า ไม่ได้เรื่อง เล่าอะไรงงไปงงมา เลยรีไรท์อีกรอบ พอเขียนครั้งที่สอง ปาเข้าไปกว่า 170 หน้า”
แสดงว่าเป็นคนมีสมาธิสูง “เราค่อนข้างเป็นคนมีสมาธิ ทำอะไรต้องตั้งมั่นก่อนว่า ‘จะทำ’ ทำครั้งเดียวต้องออกมาดี ส่วนหนึ่งได้ประโยชน์มาจากการทำสำนักพิมพ์ด้วย อ่านต้นฉบับต้องมีสมาธิ แม้เราอาจเป็นบก.ไม่เก่งอะไรมากมาย แต่เราอ่านเอาสนุก สมเหตุสมผล แต่เนื้อเรื่องอื่นเชื่อผู้เขียน ดังนั้นพออ่านต้นฉบับมากเข้า ต้องมีสมาธิ”
กรู๊ฟ กล่าวถึงที่มาของชื่อ ‘นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ’ เดิมทีตั้งเป็นชื่ออื่น และตั้งใจจะเขียนเป็นซีรีส์ 4 เรื่อง ที่มีชื่อสอดคล้องกันด้วย แต่สุดท้ายตัดสินใจเหลือเรื่องเดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้มาจากพล็อตเรื่องเกี่ยวกับวงการนิยายรัก แต่ตั้งใจทำให้ผู้อ่านสงสัยว่า ทำไมจึงไม่มีตอนจบ
“บางคนอาจสงสัยในแง่ลบว่า สรุปเรื่องนี้จบหรือไม่ แต่เราสร้างคำถามให้ผู้อ่าน ทำไมถึงไม่จบ เฉลยคือ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ เป็นนวนิยายของนางเอกที่เขียนขึ้น คือเล่นนัยยะสองความหมาย แง่หนึ่งนางเอกเขียนไม่จบ อีกแง่หนึ่ง เรื่องรักระหว่างนางเอกกับพระเอกจะไม่มีวันจบ”
แล้วนามปากกา ‘กานต์’ ล่ะ มาได้อย่างไร เขาหัวเราะ ก่อนอธิบาย นามปากกานี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเองเลย วินาทีนั้นเขียนจบ จนวันจะนำเผยแพร่ในอ่านเอา ทีมงานสอบถาม ใช้นามปากกาอะไร เลยคิดเดี๋ยวนั้น อยากได้ชื่อสั้น ๆ และชวนจดจำ ประกอบกับมีความหมายดี ผลสรุปใช้ชื่อ ‘กานต์’ เพื่อจะได้ ‘เป็นที่รัก’ ของผู้อ่าน
แม้ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ จะเป็นผลงานเรื่องแรกของผู้ชายคนนี้ แต่ฝีมือต้องยอมรับว่า ‘มืออาชีพ’ ซึ่งกว่าจะถึงวันนี้ แน่นอนไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นกำลังใจให้ ‘กรู๊ฟ’ ผลิตผลงานที่ดีออกสู่สายตาแฟนนักอ่านต่อไป .