อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยผู้ต้องขังเจ็บป่วยต้องส่งรพ.ปีละ 5 หมื่น-เสียชีวิต 1 พันคน
สปสช.จับมือกรมราชทัณฑ์ เพิ่มหลักประกันสุขภาพผู้ต้องขัง หลังพบ 3 โรคนำโด่ง 'ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หัวใจล้มเหลว และวัณโรค' พ.ต.อ.ดร. ณรัชต์ เผยผู้ต้องขังเจ็บป่วยต้องส่งรพ. 5 หมื่น-เสียชีวิตพันคน/ปี
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย สปสช.เขต 4 สระบุรี จัดพิธีลงนามข้อตกลงให้บริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระหว่าง สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กับ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โดยพ.ต.อ.ดร. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสปสช. เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงดังกล่าว
พ.ต.อ.ดร. ณรัชต์ กล่าวถึงภาระหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ในการดูแลผู้ต้องขังทั่วประเทศประมาณ 3.7 แสนคน (กว่า 2 แสนคนเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด) ซึ่งปัจจุบันจำนวนผู้ต้องขังมีมากกว่าศักยภาพที่จะรองรับได้ถึง 3 เท่าแล้ว ขณะที่ปัญหาต้นๆ คือเรื่องสุขภาวะของผู้ต้องขัง ซึ่งทางเรือนจำพยายามดูแลเรื่องความสะอาด
"การที่ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด หนาแน่น คน 120 -150 คนอยู่รวมกัน 24 ชั่วโมง ทำให้เกิดโรคระบาด ถือเป็นภาระที่ยากลำบากของคนราชทัณฑ์ที่จะดูแล ผู้คุมปัจจุบันเป็นทั้งครู หมอ นักสร้างแรงบันดาลใจ นักฝึกอาชีพ"
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ต้องขังอยู่ที่ 5 หมื่นรายต่อปี ขณะที่อัตราการเสียชีวิตในเรือนจำประมาณ 1 พันรายต่อปี ซึ่งการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1.การเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ มีปัญหาทางสุขภาพ และ 2.เสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ ทั้งเกิดจากการหลบหนี ถูกวิสามัญ สภาพความเป็นอยู่ที่แออัดเกิดการกระทบกระทั่งทำร้ายร่างกายกันจนเสียชีวิต และมีผู้ต้องขังบางรายทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต ผูกคอตาย เป็นต้น
"ความแออัดของเรือนจำจนเกิดการปะทะกันเองของผู้ต้องขังนั้น กรมราชทัณฑ์กำลังแก้ไขปัญหาตรงนี้อยู่"
ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ตามมาตรา 44 แห่งพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พศ. 2545 กําหนดให้สํานักงานฯ จัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ และเครือข่ายหน่วยบริการ เพื่อให้บุคคลลงทะเบียนเลือกเป็นหน่วยบริการประจําของตน ตามมาตรา 6 และเพื่อพัฒนาระบบการจัดบริการเพิ่มการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพสําหรับผู้ต้องขัง ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง การเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามยุทธศาสตร์การดําเนินงานของ สปสช. ปี 2560-2564 ยุทธศาสตร์ 4 โดย สปสช.เขต 4 สระบุรี ได้ร่วมหารือกับสถานพยาบาลเรือนจํากลางบางขวาง เพื่อเข้าร่วมโครงการเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้แสดงเจตจํานงขอเข้าร่วมโครงการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 นั้น
ต่อมาคณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ จากสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 4 สระบุรี ได้ตรวจประเมินศักยภาพและตามหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการประเภทปฐมภูมิ ประจําและรับส่งต่อทั่วไป ซึ่งมีศักยภาพในการจัดบริการสาธารณสุข และอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 4 สระบุรี ได้อนุมัติให้หน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวางขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจํา ปฐมภูมิ และหน่วยรับส่งต่อ ประจําปี 2562 (1 ตุลาคม 2561)โดยให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้ต้องขังได้ครอบคลุมประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขด้านสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพ สร้างเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คําปรึกษาแนะนําการควบคุมป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ รวมถึงการจัดบริการส่งต่อและรับกลับเพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง การให้บริการกรณีอุบัติเหตุหรือฉุกเฉิน ทั้งในเวลาทําการและนอกเวลาทําการ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
"อนาคตการให้บริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช.เล็งทำกับเรือนจำทั่วประเทศ ในพื้นที่ที่มีความพร้อม โดยใช้มาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไป อาจมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ การควบคุมดูแล ภายใต้กฎระเบียบของเรือนจำ "
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวถึงโรคบางโรคที่เมื่อคนมาอยู่ร่วมกันอย่างแออัดจำเป็นต้องมีการควบคุม โดยเฉพาะวัณโรค บุคคลที่เข้ามาในพื้นที่จะได้รับการเอ็กซเรย์ปอดทั้งหมด เพื่อค้นหาโรคและควบคุมไม่ให้มีการแพร่กระจาย
ขณะที่นางสาวจุฑารัตน์ จินตกานนท์ ผู้อำนวยการกองบริการทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการเจ็บป่วยด้วยโรคของผู้ต้องขัง ส่วนใหญ่พบ เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หัวใจล้มเหลว และวัณโรค
"ในเรือนจำทุกเรือนจำมีสถานพยาบาลอยู่ หากผู้ต้องขังกรณีป่วยหนัก จะเรียก 1669 หรือไม่ก็นำรถไปส่งโรงพยาบาลในพื้นที่"
ทั้งนี้ สปสช. กับกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของหน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวาง ได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการให้บริการสาธารณสุข (หน่วยบริการปฐมภูมิ ประจําและรับส่งต่อทั่วไป) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อความร่วมมือกัน ในการบริหารจัดการระบบบริการสาธารณสุขให้ผู้ต้องขังสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีจํานวนผู้ต้องขังอยู่ประมาณ 6,020 คน และผู้ต้องขังสามารถเลือกลงทะเบียนกับหน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวางได้จะส่งผลให้ผู้ต้องขังในเรือนจํามีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ถูกริดรอนสิทธิมนุษยชนได้รับบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพสะดวกต่อการรับและให้บริการ ตลอดจนลดภาระของเจ้าหน้าที่ควบคุม ขณะเดียวกันสถานพยาบาลในเรือนจําเมื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ประจําและหน่วยรับส่งต่อ จะได้รับงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว และงบจ่ายตามผลงาน เป็นการหนุนเสริมให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น