วิธีติดสินบนอย่างถูกกฎหมาย
แข่งกอล์ฟ – ประกวดพระ - โบว์ลิ่งการกุศล กำลังเป็น 3 กิจกรรมหารายได้ที่นิยมจัดกัน เพราะสามารถหาทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ยิ่งถ้าจัดโดยหน่วยราชการหรือกลุ่มคนมีสี มียศมีตำแหน่ง รายได้จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ก็ก่อให้เกิดข้อครหาว่า กิจกรรมเหล่านี้มักเป็นโอกาสในการวิ่งเต้นเส้นสายเพื่อการโยกย้ายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางการเรียกรับสินบนอย่างถูกกฎหมาย
โดยทั่วไปผู้จัดกอล์ฟการกุศลจะมีกำไรประมาณ 2 - 8 ล้านบาท การจัดโบว์ลิ่งทำรายได้ประมาณ 3 – 7 แสนบาท ขณะที่การประกวดพระทำรายได้ 3 – 6 ล้านบาทและมีบางงานที่ทำรายได้ทะลุ 25 ล้านบาท โดยรายได้หลักจะมาจากสปอนเซอร์ของภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ส่วนรายได้จากการขายบัตรเข้าร่วมงานจะมีราคาแตกต่างกันไป เช่น โบว์ลิ่ง ทีมละ 4,000 บาท ทีมกิตติมศักดิ์ 10,000 บาท การแข่งขันกอล์ฟ ทีมละ 30,000 – 50,000 บาท ทีมกิตติมศักดิ์ 50,000 – 100,000 บาท การประกวดพระมีรายได้จากการรับดูพระองค์ละ 300 - 500 บาท ค่าบัตรเข้าชมงาน เปิดประมูลพระและค่าเช่าแผงขายของ
การหาทุนเพื่อการกุศลหรือเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนรวมอย่างสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล หน่วยราชการ เอกชน สมาคม ชมรม รุ่นต่างๆ เป็นเรื่องสมควรที่ให้การสนับสนุน แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่องานนั้นจัดโดยหน่วยราชการ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ผู้อื่นและดำเนินงานด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม จนก่อให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนและคอร์รัปชันตามมา และนี่คือส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่นำไปสู่ปัญหาดังกล่าว
1. เมื่อคนรับผิดชอบการจัดงานเป็นผู้มีตำแหน่งใหญ่โต จะทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยต้องแข่งกันแสดงผลงานด้วยการขายบัตร หาสปอนเซอร์ บ่อยครั้งเป็นการวิ่งเต้นเส้นสายเอาใจนายเพื่อหวังผลในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง ขณะที่จำนวนมากต้องจำใจเพื่อไม่ให้โดนตำหนิว่าไม่สนับสนุนไม่ร่วมมือ จึงต้องเลือกเอาว่า จะควักกระเป๋าจ่ายเองหรือไปรีดเอาหรือออกปากขอความช่วยเหลือจากเอกชนจนกลายเป็นความผูกพันหรือหนี้บุญคุณที่ต้องดูแลตอบแทนกันต่อไป
2. เอกชนส่วนหนึ่งถูกบังคับให้ซื้อบัตร ซื้อทีม หรือจ่ายสปอนเซอร์ บางส่วนก็เต็มใจจ่ายเพื่อรักษาสายสัมพันธ์ หรือหวังเป็นช่องทางติดต่อคบค้าเพื่อช่วยเหลือหรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันในวันข้างหน้า เห็นได้จากการจ่ายค่าสปอนเซอร์ในวงเงินที่สูงมากในบางงาน หรือคนที่ซื้อบัตรแล้วก็ไม่ไปร่วมงาน
3. ประเด็นสถานที่จัดงาน เช่น การจัดแข่งกอล์ฟบางรายการสามารถเช่าสนามได้ในราคาพิเศษมากๆ เพราะผู้จัดงานเป็นข้าราชการในหน่วยงานที่มีอำนาจจัดเก็บภาษีสนามกอล์ฟ หรือการจัดประกวดพระเครื่องตามสถานที่ราชการ เช่น ศูนย์ราชการฯ เป็นต้น
4. มีระเบียบสำนักนายกฯ ที่กำหนดเงื่อนไขควบคุมมิให้หน่วยราชการจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายการเรี่ยไรเงินตามอำเภอใจ ถึงแม้จัดได้ก็ต้องแสดงบัญชีรายรับ รายจ่ายเข้มงวด ผู้จัดงานจึงหลีกเลี่ยงไปจัดในชื่ออื่นแทน เช่น สมาคมแม่บ้าน ศิษย์เก่า มูลนิธิ ชมรม แต่ก็รู้กันว่าใครคือผู้จัดตัวจริง
5. แทบทุกงานที่จัดกัน ไม่มีการจ่ายภาษีรายได้และภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้องตามกฎหมาย
พฤติกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ในวงราชการและการเกื้อกูลเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับเอกชน และจะยิ่งน่ากลัวมากถ้าเป็นเอกชนที่มีผลประโยชน์สูงอย่างพวกที่ทำสัญญาหรือได้รับสัมปทานจากรัฐ เพราะมีแนวโน้มที่จะเกิดความไม่เป็นธรรมหรือเลือกปฏิบัติในการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือข้าราชการที่เป็นคนเก่ง คนดี จะขาดกำลังใจและไม่สามารถอยู่ในระบบได้
ทุกวันนี้คอร์รัปชันเพื่องฟู เพราะผู้ใหญ่มัวแต่เสียเวลาพูดเรื่องธรรมาภิบาลโดยไม่ยอมลงมือปฏิบัติ คำอ้างว่า ‘ใครๆ เขาก็ทำกัน’ หรือคำพูดสวยหรูว่า ‘ทำเพื่อรุ่น เพื่อชมรมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง วันนี้ขอทำไปก่อนวันหน้าค่อยว่ากัน’ ยังถูกใช้มาเรื่อยๆ แต่ถ้าจะให้สังคมเปลี่ยนแปลงจริงๆ การทำตัวเป็นแบบอย่างความรับผิดชอบ โปร่งใสของผู้หลักผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก รอแต่เพียงว่าใครจะเป็นผู้เริ่มก่อน