เอ็นจีโอ เผยรัฐรื้อแผนน้ำภาคตวอ.เอื้ออุตส.-กระทบเกษตร จี้ทบทวน 3 มิ.ย.นี้
เครือข่าย ปชช.ภาค ตวอ.เผย อนุ กก.ยุทธศาสตร์น้ำตะวันออก ทำแผนน้ำใหม่ เอื้อ อุตส.กระทบเกษตร-ระบบนิเวศน์รุนแรง เคลื่อนไหวคัดค้าน 3 มิ.ย.นี้
สืบเนื่องจากกรณีนายวีรพงษ์ รามางกูร มอบหมายนายวุฒิพงษ์ ฉายแสงที่ปรึกษารองรายกรัฐมนตรี(นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์)เป็นประธานอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำภาคตะวันออก 9 จังหวัด(อยอ.)ได้แก่ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ระยอง ตราด ชลบุรี จันทบุรี เพื่อหาช่องทางจัดหาน้ำไว้ใช้ในอนาคต เนื่องจากเกรงว่าปริมาณน้ำจะไม่ม่เพียงพอและกระทบภาคอุตสาหกรรมทำให้เกิดความเดือดร้อนจะไม่มีนักลงทุนมาลงทุน โดยงบประมาณจัดการน้ำที่ตั้งไว้ 50,000ล้านบาทอาจไม่เพียงพอเพราะแค่จังหวัดจันทบุรีที่เสนองบจัดการน้ำจังหวัดเดียวก็สูงถึง18,000 ล้านบาท ทั้งนี้การใช้น้ำทั้งภาคอยู่ที่ประมาณ 7,800 ล้านลบ.ม.โดยน้ำที่กักกเก็บไว้มีประมาณ 3,000 ล้านลบ.ม.ส่วนใหญ่ใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมจึงต้องหาวิธีการกักเก็บน้ำเพิ่มเติมไว้ใช้ในอนาคตอันใกล้
นายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า การคิดจะรื้อแผนจัดการน้ำภาคตะวันออกหรือการหาช่องทางกักเก็บน้ำ ดูเหมือนรัฐบาทเลมีความพยายามเพื่อให้ห้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นการนำมาเป็นข้ออ้างที่จะขุดค้นเอาโครงการเมกะโปรเจคสมัยปี 2548มาใช้เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท มีความพยายามจะผันน้ำจากประเทศกัมพูชาเข้ามาทางด้านจังหวัดดตราดและส่งไปยังพื้นที่อุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดวิกฤติน้ำ ขาดแคลนภาครัฐไม่เคยให้ความสำคัญต่อภาคเกษตร ทุกนโยบายลงมามุ่งเน้นไปที่ภาคอุตสากรรมหากมีการรื้อแผนจะส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว ระบบนิเวศน์ พื้นที่การเกษตรอย่างรุนแรง
"รัฐควรหาวิธีการทำงานที่ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมให้มากขึ้น หาวิธีการลดปริมาณการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม เพราะถ้าไม่ลดการใช้น้ำก็จะต้องมีการเติมอย่างเดียวไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็ต้องสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำไม่หยุดหย่อน เพราะโดยปกติปัญหาเรื่องน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกไม่น่าเป็นห่วง การปรับโครงการก็เพื่ออุตสาหกรรม โดยในวันที่ 3มิ.ย.ที่จะถึงนี้เครือข่ายจะมีการหารือเพื่อนำข้อสรุปความคิดเห็นยื่นหนังสือทักท้วงรัฐบาลให้ทบทวนในประเด็นการมีส่วนร่วมของประชาชน และการตอบสนองทุกภาคส่วน ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ต่อภาคอุตสากรรมหรืออิสเทิร์น ซีบอร์ดด้านเดียว" ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าว
ที่มาภาพ : http://ppvoice.thainhf.org/index.php?module=article&page=detail&id=101