เปิดหนังสือ พล.ต.อ.อดุลย์ จี้ปธ.บอร์ด 2 รอบ บิ๊กการเคหะฯขายที่ดินส่อไม่สุจริต
เปิดหนังสือ รมว.พม. ยุค พล.ต.อ.อดุลย์ จี้ ปธ.บอร์ดการเคหะฯ สอบปมขายที่ดินโครงการชุมชนฯร่มเกล้าเอื้อเอกชน ระบุชัดผิดปกติหลายปม ส่อไม่สุจริต ฝ่าฝืน กม. เข้าข่ายความผิด กม.ป.ป.ช.-พ.ร.บ.พนักงานในหน่วยงานของรัฐ ก่อน คกก.เพิ่งส่งผลสอบ พล.อ.อนันตพร
ประเด็นร้องเรียนกรณี การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ขายที่ดินในโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่วมเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) ให้เอกชนเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกหมู่บ้านจัดสรรของนักธุรกิจชื่อดังในราคาต่ำกว่าปกติและไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีการตั้งกรรมการสอบสวนชุดแรกตั้งแต่ปี 2559 มีผู้เกี่ยวข้องระดับบริหารและพนักงานอย่างน้อย 45 คน ปัจจุบันยังไม่ดำเนินการลงโทษผู้ใด
ในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ซึ่งกำกับการเคหะฯ ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ การเคหะฯ (นายไมตรี อินทสุต) ขอให้สอบสวนและรายงานความคืบหน้าถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกวันที่ 15 พ.ค.2560 ขอให้คณะกรรมการการเคหะฯดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ครั้งที่สองวันที่ 18 ส.ค.2560 ติดตามความคืบหน้าขอให้เร่งรัดดำเนินการ และรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน
ขณะที่ล่าสุด การเคหะฯเพิ่งส่งรายงานผลการสอบสวนให้แก่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. (แทน พล.ต.อ.อดุลย์) เมื่อประมาณเดือน ก.ค.2560
หนังสือของ พล.ต.อ.อดุลย์ ที่ส่งให้ประธานบอร์ด การเคหะฯ ฉบับลงวันที่ 15 พ.ค.2560 ระบุถึงความเป็นมาของทางขายที่ดินและความผิดปกติหลายประการ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปสาระสำคัญมารายงาน
ตามที่อ้างถึงการเคหะฯได้รายงานการตรวจสอบขอเท็จจริงตามสั่งการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กรณีการร้องเรียนการขายที่ดินบริเวณโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่วมเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) นั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับรายการการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีความเห็นดังนี้
1.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่วมเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เป็นโครงการชุดที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 ในแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ในปี 2557-2560 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ความเห็นชอบหลักการกรอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ โดยอนุมัติการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ จำนวน 38 โครงการ 16,146 หน่วย โดยโครงการเคหะชุมชนฯ (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) จำนวน 269 หน่วยในพื้นที่รวม 35.05 ไร่ รวมอยู่ในโครงการดังกล่าวด้วย
โครงการได้มีการปรับลดหน่วยก่อสร้างจำนวน 5 หน่วย ทำให้หน่วยก่อสร้างคงเหลือ 264 หน่วยจากจำนวน 269 หน่วย โดยขายที่ดินในโครงการตามโฉนดเลขที่ 48160 จำนวน 283.40 ตารางวา ในราคาตารางวาละ 80,000 บาท รวมราคาซื้อขายกัน 22,672,000 บาท พร้อมค่าเสียโอกาสในการสร้างอาคารพาณิชย์ จำนวน 5 หน่วย เป็นเงิน 6,225,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 28,897,000 บาท
2.การปรับลดหน่วยก่อสร้างและการขายที่ดินของผู้ว่าการฯ น่าจะมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย ดังนี้
2.1 โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่วมเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เป็นโครงการที่ได้นำเสนอและรับอนุมัติจากคณรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2557 การดำเนินใดๆ เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว อันได้แก่ การลดจำนวนหน่วยก่อสร้างและการปรับผังลดลงควรจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ความเห็นชอบก่อน ตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2550
2.2 การที่ผู้ว่าการฯ ได้ใช้อำนาจอนุมัติขายที่ดิน โดยอ้างระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการขายที่ดิน พ.ศ. 2548 ซึ่งออกโดยผู้ว่าการฯ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 ซึ่งเป็นระเบียบที่กำหนดวิธีการขายโดยยังไม่ปรากฎว่ามีข้อบังคับของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าวที่ให้ผู้ว่าการฯดำเนินการเช่นนั้น จึงน่าจะเป็นการไม่ถูกต้องและขัดต่อกฎหมาย
2.3 การขายที่ดินของการเคหะฯ ปรากฏข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ซื้อมีความพยายามหลายครั้งในการติดต่อที่จะขอซื้อที่ดินดังกล่าวจากนายเจริญพนิช จันทภิรมย์ และในการขายที่ดินมีการรวมโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ก่อนที่จะทำการขายให้กับผู้ซื้อ และภายหลังเมื่อมีการขายที่ดินแปลงดังกล่าวและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อจำนวน 8 ราย แล้ว ภายในวันเดียวกันได้มีการขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้กับบริษัท แอดแลนติก และนายภิรมย์ ซึ่งเป็นบริษัทและนายทุนสร้างบ้านจัดสรรของเอกชน ซึ่งจากข้อเท็จจริงดังกล่าวพฤติการณ์ในการซื้อขายมีลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซื้อ และมีการฉ้อฉลในการซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าใช้เป็นทางเข้า-ออก พื้นที่ตาบอด แต่ในหนังสือของผู้เสนอขอซื้อที่ดินที่แสดงวัตถุประสงค์ในการขอซื้อที่ดินเพื่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรในการซื้อขาย นอกจากนั้นยังพบว่า ที่ดินที่ขายมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงเนื่องจากที่ตั้งของที่ดินมีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการพร้อม สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักต่างๆ มีโครงการเอกชนเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก แต่การขายที่ดินแปลงดังกล่าวปรากฏการขายมีราคาสูงกว่าราคาประเมินเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาในการขายที่เป็นจริงของสภาพที่ดินแปลงดังกล่าว อันเป็นเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่ไม่สุจริต
3.การดำเนินการของผู้ว่าการฯ (อดีต) กรณีที่เป็นผู้อนุมัติให้ขายตามข้อเสนอขอคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างด้านกายภาพ คณะที่หนึ่ง ที่เสนอให้ขายโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ผ่านรองผู้ว่าการฯ แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและหลักฐานว่าจะได้รับประโยชน์จากการซื้อขายในครั้งนี้หรือไม่ แต่การไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายระเบียบหรือคำสั่งใดๆ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลอื่นก็ถือว่ามีเจตนาโดยทุจริตแล้ว ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1369/2538 ดังนั้นการกระทำของผู้ว่าการ (อดีต) และผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และมาตรา 123/1 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ว่าด้วยการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ จึงขอให้คณะกรรมการการเคหะฯพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วรายงานผลให้ทราบภายใน 30 วัน
อ่านประกอบ:
ร้องยื้อฟันบิ๊กการเคหะฯ-พวก 45 คน ปมขายที่ดินเอื้อเอกชนราคาถูก-ไม่ผ่าน ครม.