เครือข่ายเภสัชกรภาคใต้ จี้ อย.ถอนร่าง กม.ยา ฉบับลับ ลวง พราง ภายใน 15 วัน
ชมรมเภสัชกรภาคใต้ พร้อม 8 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม รวมตัวเเสดงจุดยืนค้านร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับ ลับ ลวง พราง จี้ อย.-สธ. ไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ เนื้อหาหลายจุดไม่ถูกต้อง ยันหากเปิดกว้างให้ทุกวิชาชีพจ่ายยาได้ในสถานประกอบการเอกชน ผิกหลักความปลอดภัย กระทบปชช.ระยะยาว
วันนี้ 2 ก.ย. 2561 ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชมรมเภสัชกรภาคใต้ และ 8 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ประกอบด้วย ชมรมเภสัชกร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, ชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดสงขลา, ชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดภูเก็ต, สมาคมศิษย์เก่าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สำนักวิชาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ , คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , ชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย และสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ร่วมกับสโมสรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ แสดงออกซึ่งการคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยา พ.ศ. ... (ฉบับ ก.ค. พ.ศ.2561 : ฉบับ ลับ ลวง พราง) โดยมีเภสัชกรจากหลายพื้นที่ในภาคใต้รวมตัวใส่ชุดฟอร์มเภสัชกรรวมตัวกันแสดงออกถึงการคัดค้านไม่ต่ำกว่า 200 คน
ทั้งนี้ ภญ.สุจิตา กุลถวายพร ประธานชมรมเภสัชกรภาคใต้ ได้เป็นตัวแทน 9 องค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมในภาคใต้อ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืน โดยสาระสำคัญในแถลงการณ์ได้ระบุเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการคัดค้านดังนี้
เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. ... ดังกล่าวมีข้อบกพร่องร้ายแรงขัดกับหลักการของร่างกฎหมาย อันได้แก่ การขาดหลักความเป็นสากลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดประเภทยา ขาดหลักการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ อันได้แก่ การยกเว้นให้ผู้ไม่เชี่ยวชาญ ผลิต แบ่งบรรจุ และจ่ายยา โดยไม่ต้องขออนุญาต การไม่ทบทวนทะเบียนตำรับยา ขาดหลักความยุติธรรมจากบทลงโทษผู้รับอนุญาตสูงกว่าผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตในลักษณะความผิดเดียวกัน ขาดหลักการตรวจสอบความผิดพลาดจากการใช้ยาระหว่างวิชาชีพ มุ่งเน้นการจัดการเบ็ดเสร็จในตัวเอง โดยคำนึงถึงเพียงประนีประนอมผลประโยชน์ระหว่างวิชาชีพ ไม่คำนึงว่าจะทำลายระบบยาและเพิ่มความไม่ปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชนอย่างร้ายแรงที่สุด
ทางชมรมเภสัชกรภาคใต้และ 8 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมร่วมกับสโมสรนักศึกษา 2 สถาบัน ได้เรียกร้องต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา “ให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. .... (ฉบับ ก.ค. พ.ศ.2561 :ฉบับ ลับ ลวง พราง) ออกไป ไม่เสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ภายใน 15 วัน
กรณีจำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องเสนอโดยไม่สามารถชักช้าได้ ก็ให้นำ (ร่าง) พ.ร.บ.ยา พ.ศ.....ที่ผ่านการพิจารณาเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2559 ซึ่งเป็นฉบับที่มี อาจารย์นายแพทย์มงคล ณ สงขลา เป็นประธานการยกร่างร่วมกับองค์กรสหวิชาชีพต่าง ๆ จนได้เสร็จสิ้นและได้เสนอต่อทาง อย.แล้ว แต่ทาง อย.ได้เก็บดองเอาไว้ ซึ่งเป็นร่างได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองและปลอดภัยจากการใช้ยา มาเป็นร่างหลักเสนอแทน
ทั้งนี้ หากไม่มีการตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรมใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมทั้ง 9 องค์กรในภาคใต้และสโมสรนักศึกษาจะยกระดับการแสดงจุดยืนร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมทุกภาคของประเทศไทย เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ...... (ฉบับ ก.ค. พ.ศ.2561 :ฉบับ ลับ ลวง พราง) อย่างถึงที่สุด
ด้าน ภญ.วิไลวรรณ สาครินทร์ ตัวแทนชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ว่า หากไม่แก้ไข (ร่าง) พรบ.ยา ให้ทุกวิชาชีพสามารถจ่ายยาได้ จะทำให้วิชาชีพพยาบาลไม่สามารถจ่ายยาใน รพ.สต.ได้นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เพราะภายใต้ พ.ร.บ.ยา ปี 2510 และกฎหมายอื่น ๆ นั้น ทุกวิชาชีพในสถานพยาบาลของรัฐ ทั้งโรงพยาบาลและ รพ.สต.สามารถจัดยา เตรียมยา และจ่ายยาได้โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพราะ พ.ร.บ.ยาฉบับ 2510 ไม่บังคับใช้ต่อการผลิตและจ่ายยาของกระทรวง ทบวง กรม ที่มีหน้าที่บำบัดรักษาโรคอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในหน่วยงานของรัฐมีระบบการทำงานเป็นทีมของสหวิชาชีพ และมีการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เหตุอ้างที่จะแก้ พ.ร.บ.ยา ในทางกลับกัน หากเปิดกว้างให้ทุกวิชาชีพจ่ายยาได้ในสถานประกอบการภาคเอกชน จะยิ่งผิดหลักสากลเรื่องความปลอดภัยทางยาและหลักการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งผลเสียต่อประชาชนในระยะยาว
ขณะที่ ภก.จรัญวิทย์ แซ่พัว กรรมการสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) และกรรมการชมรมเภสัชกรภาคใต้ กล่าวว่า มีความพยายามที่จะแก้ไข พ.ร.บ.ยา ภายใต้หลักการที่ไม่ถูกต้องมาหลายปีแล้ว ในปี 2557 มีการเคลื่อนไหวใหญ่ในการคัดค้านการแก้ไขในประเด็นที่ไม่ถูกต้อง การคัดค้านในครั้งนั้น นำมาสู่การจัดทำ (ร่าง) แก้ไข พ.ร.บ.ยา ร่วมกันจากสภาวิชาชีพด้านสุขภาพทุกสภา ซึ่งมีอาจารย์นายแพทย์มงคล ณ สงขลา เป็นประธาน มีการจัดกระบวนการยกร่างจนสำเร็จ เป็นร่างที่ทุกวิชาชีพยอมรับว่าต้องเสียสละเพื่อเดินสู่ระบบสากลดั่งเช่นอารยะประเทศ แต่ร่างดังกล่าวเมื่อร่างเสร็จ ทาง อย.ก็ได้เก็บดองไว้ไม่เสนอผลักดันต่อ จนมาวันนี้ อย.ก็นำ (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ที่ไม่มีความชอบธรรมมาผลักดันอีกครั้ง ทำให้วิชาชีพเภสัชกรรมและวิชาชีพสุขภาพหลายวิชาชีพต้องลุกขึ้นมาคัดค้านอีกครั้ง และ หาก อย.จะแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ยาให้จงได้ ก็ขอให้ถอนร่างปัจจุบันฉบับลับลวงพรางออกไป แล้วนำร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับที่มี นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นประธานเสนอเข้า ครม.แทน มิเช่นนั้น เราก็คงต้องยกระดับการคัดค้านให้ถึงที่สุด
สุดท้าย ภก.นิมิตร วรกุล คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุ ขอให้ อย.และกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นเจ้าของร่าง ได้ไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ การที่มีการคัดค้านโดยวิชาชีพเภสัชกรและคณะเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศอย่างกว้างขวาง ย่อมแสดงว่า ร่างดังกล่าวมีปัญหาจริง มีความไม่ถูกต้องอยู่จริง การแก้ไข พ.ร.บ.ยา หากยืนบนหลักการสากลด้านความปลอดภัยทางยาและหลักการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างแน่วแน่แล้ว ทุกคนยินดีสนับสนุน แต่หากไม่ยืนบนสองหลักการนี้ ก็ไม่อาจสนับสนุนได้ ควรต้องถอนร่างที่มีปัญหานี้ออกไปเพื่อนำกลับมาพิจารณาให้รอบคอบ
อ่านประกอบ:อย. แจงร่างกม.ยา เปิดโอกาสวิชาชีพอื่นจ่ายยา ย้ำชัดก่อนออกกฎกระทรวงต้องผ่านกฤษฎีกาก่อน