ฟังชัดๆ คำชี้แจง 'วรวิทย์' ป.ป.ช. ยุคนี้ทำงานช้าจริงหรือ?
"...เรื่องการกระทำทุจริตเป็นเรื่องที่รู้เฉพาะกลุ่ม ป.ป.ช.ก็จะไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าใครรู้ก็สะกิด ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช.ก็จะไปดำเนินการ เช่นเดียวกับกรณีต่างประเทศ ก็เกี่ยวกับเอกชนในต่างประเทศ ดังนั้นก็ต่างประเทศก็ต้องรู้เรื่องก่อน ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อหน่วยงานต่างประเทศเขาตรวจสอบแล้วมีมูล ป.ป.ช.ก็จะรับไม้ต่อแล้วไปดำเนินการ..."
สืบเนื่องจาก นายประมนต์ สุทธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น ประเทศไทย หรือ ACT ได้วิจารณ์การทำงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีความล่าช้า ขณะที่ประเทศไทยมีปัญหาประสานความร่วมมือปราบทุจริตกับต่างประเทศนั้น (อ่านประกอบ : ติงป.ป.ช.ทำงานช้า! 'ประมนต์'ยัน ACTเกาะติดคดีใหญ่-ชี้คนรอบข้างอุปสรรคบิ๊กตู่ปราบทุจริต)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้สอบถาม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับข้อวิจารณ์ดังกล่าว โดยนายวรวิทย์ ได้ชี้แจงว่า "การทำงานของ ป.ป.ช. อาทิการรวบรวมหลักฐาน ขอพยานบุคคลต่างๆ ป.ป.ช.ต้องยึดหลักให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น เรื่องที่บอกว่าการทำงานตรงนี้ช้า มันเป็นธรรมชาติของการทำงาน อาทิ ถ้า ป.ป.ช.นัดพยานให้ปากคำวันที่ 1 วันที่ 2 เขาก็อาจจะติดขัดขอเลื่อน เช่นเดียวกับกรณีของผู้ถูกกล่าวหาเป็นต้น ดังจึงมีกรณีการขยายระเวลาการดำเนินการออกปากกำหนดเดิม"
นายวรวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ฉบับใหม่ มุ่งเน้นให้ ป.ป.ช.ทำงานให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยรวมขยายเวลาในการดำเนินคดีแล้วไม่เกิน 3 ปี ดังนั้น ป.ป.ช.ก็ต้องมีการออกกฎระเบียบใหม่เพื่อลดขั้นตอนในบางขั้นออกไป โดยเฉพาะขั้นตอนที่ไม่สำคัญ และถ้าไม่มี ก็ไม่ทำให้คดีขาดความเป็นธรรมแต่อย่างใด ป.ป.ช. ก็จะเอาตรงนี้ออกไป อาทิ เมื่อก่อน เรื่องทุกเรื่องจะต้องเข้าสู่ ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมดก็ทำให้เรื่องช้าได้ ตอนนี้ก็เลยมีการวางระเบียบใหม่ว่าเรื่องทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องเข้าสู่การที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.
"เรื่องกล่าวหาร้องเรียนต่างๆ จะมีการไปโอนถ่ายอำนาจไปกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้องให้รับผิดชอบวินิจฉัยแทน จากนั้นก็จะมีการแจ้งผลการวินิจฉัยกลับไปยังผู้ถูกกล่าวหาให้ได้รับทราบ เพื่อจะให้เขามีข้อโต้แย้งกลับมาให้ทางคณะกรรมการวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง"
เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวรวิทย์กล่าวว่า "ต้องรอหลักฐานจากต่างประเทศ ก็คาดว่าภายในระยะเวลา 2 เดือนน่าจะเห็นข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากข้อมูลที่หน่วยงานจากต่างประเทศได้ส่งมา"
เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์เกี่ยวกับความร่วมมือในการตรวจสอบคดีทุจริตกับต่างประเทศ นายวรวิทย์ ชี้แจงว่า "คดีเหล่านี้ประเทศไทยยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นฝ่ายรุกได้ ต้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลจากต่างประเทศออกมาก่อน"
"เรื่องการกระทำทุจริตเป็นเรื่องที่รู้เฉพาะกลุ่ม ป.ป.ช.ก็จะไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าใครรู้ก็สะกิด ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช.ก็จะไปดำเนินการ เช่นเดียวกับกรณีต่างประเทศ ก็เกี่ยวกับเอกชนในต่างประเทศ ดังนั้นก็ต่างประเทศก็ต้องรู้เรื่องก่อน ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อหน่วยงานต่างประเทศเขาตรวจสอบแล้วมีมูล ป.ป.ช.ก็จะรับไม้ต่อแล้วไปดำเนินการ"
เมื่อถามถึงกรณีคดีเครื่องตรวจจับระเบิด จีที 200 ที่นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ าการวินิจฉัยคดีดังกล่าวว่าถูกหรือผิด เป็นเรื่องที่ยากเพราะบางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อ เหมือนพระเครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้วเขารู้สึกว่าคุ้มค่า
นายวรวิทย์กล่าวว่า "ไม่ขอพูดถึงกรณีนี้ เพราะถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของกรรมการ ป.ป.ช.ท่านนั้นๆ ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดีอยากให้ไปสอบถามทางคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องจะดีกว่า"