นายกฯบางเตย แจงถูกใส่ร้ายติดหนี้เบอร์หุ้นชาวบ้าน-อดีตภรรยาได้งานเทศบาลจริง ปัดยุ่งเกี่ยว
'พีรเดช หลีน้อย' นายกเทศมนตรีตำบลบางเตย พังงา แจง 'อิศรา' อดีตภรรยานอกสมรส รับเหมางานก่อสร้างในเทศบาลจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องนานมากแล้ว เผยมีการจัดทำหนังสือไว้ที่ทนายความยืนยันเป็นหลักฐานแยกทรัพย์สินชัดเจน โอดถูกใส่ร้ายป้ายสีปมติดหนี้เบอร์หุ้นกว่าสองแสนบาท หาเงินมาชดใช้ให้ไม่ทัน เหตุถูกสตง.ตรวจสอบ ชี้ปมปัญหาขัดแย้งเรื่องเงิน ถอนตัวออกมาแล้ว
สืบเนื่องจากเพจปฏิบัติการหมาฝ้าบ้าน นำเสนอข้อมูลพฤติการณ์นายกเทศมนตรีรายหนึ่งในเขต อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ที่ติดหนี้เบอร์หุ้นชาวบ้านจำนวนกว่าสองแสนบาทจ่ายคืนให้ได้บ้างไม่ได้บ้าง พอถูกทวงหนักเข้า บอกให้รอเงินจากกรมบัญชีกลางสองล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้จ่าย โดยอ้างว่าถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโครงการทำให้ยังเบิกจ่ายเงินไม่ได้ ขณะที่ผู้รับเหมาที่เข้ามารับงานก่อสร้างในเทศบาล ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกเทศมนตรีรายนี้ในลักษณะสามีภรรยาด้วย
ล่าสุด นายพีรเดช หลีน้อย นายกเทศมนตรี ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ชี้แจงข้อเท็จจริง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ตนถูกบุคคลคนหนึ่งใส่ร้ายป้ายสีร้องเรียนเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยในประเด็นเรื่องผู้รับเหมาที่เข้ามารับงานก่อสร้างในเทศบาลตำบลบางเตย มีความสัมพันธ์เป็นภรรยาของตนนั้น ยอมรับว่าตนและนางสาวไสว แสงจันทร์ เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง เคยมีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่จดทะเบียนตามกฎหมาย และเลิกราไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันมานานแล้ว
"ผมมีภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนความสัมพันธ์กับคุณไสว เป็นความสัมพันธ์แบบลับๆ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกันนานแล้ว โดยในช่วงที่เลิกลากัน มีการทำหนังสือยืนยันให้กับทนายความไว้เป็นหลักฐานว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก รวมถึงเรื่องทรัพย์สินด้วย ขณะที่การทำโครงการก่อสร้างต่างๆ ของเทศบาลก็เป็นไปตามขั้นตอนระเบียบราชการ ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง ซึ่งสตง.ก็เข้ามาตรวจสอบแล้ว และไม่พบความผิดปกติอะไร"
เมื่อถามว่า ปัจจุบันธุรกิจรับเหมาของนางสาวไสว ยังได้รับงานจากเทศบาลตำบลบางเตยอยู่หรือไม่ นายพีรเดช ตอบว่า "ผมไม่ทราบรายละเอียด แต่ยืนยันว่าได้รับงานถูกต้องตามขั้นตอน เพราะปัจจุบันราชการให้ใช้วิธีการ e-Auction หมดแล้ว"
"เรื่องผมกับคุณไสว ผมยืนยันว่า เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันนานมากแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขามันจบไปนานแล้ว ส่วนเรื่องบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช.ไป ก็ถูกต้องครบถ้วน ทุกวันนี้ผมไม่ได้ทำธุรกิจอะไร ใช้ชีวิตแบบพอเพียง อยู่แบบเบิร์ดๆ ไม่มีอะไรมาก ง่ายๆ ถ้ามาดูที่บ้านผมจะรู้เอง"
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า ที่ติดหนี้เบอร์หุ้นชาวบ้านจำนวนกว่าสองแสนบาท จ่ายคืนให้ได้บ้างไม่ได้บ้าง นั้น นายพีรเดช ชี้แจงว่า ตนเคยถูกร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลคนหนึ่ง ให้เข้าร่วมขายหวย โดยตกลงว่าจะแบ่งเปอร์เซนต์ให้ และขอให้ช่วยรับประกันจ่ายเงินให้กับคนที่ถูกหวยไปก่อน ซึ่งตนก็เข้าไปรวมอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากจะช่วยเหลือกันในฐานะคนรู้จักกัน แต่ทำอยู่ไม่นานก็ถอนตัวออกมา เพราะมีปัญหาขัดแย้งเรื่องเงินกัน เนื่องจากเวลาที่มีคนถูกตนก็ต้องออกเงินล่วงหน้าไปก่อน แต่หลายงวดเข้าก็ชักเริ่มไม่ไหว และยังถูกทวงเงินหวยอีกทางหาว่ารับมาแล้วไม่ยอมส่งต่อให้ด้วย ก็เลยทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ออกมาใส่ร้ายตนแบบที่เห็น
"เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ผมถูกกล่าวหาโจมตีมาโดยตลอด แต่ผมไม่กังวลอะไร เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง ผู้ใหญ่ก็โทรมาสอบถาม ผมก็เล่าไปตามสิ่งที่ผมพูดให้ฟัง เหมือนอย่างที่เล่าให้ฟังอยู่เนี่ยแหละ น้ำเสียงที่เล่าให้ฟังก็เป็นปกติ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง น้ำเสียงผมต้องไม่ใช่แบบนี้ และก็ต้องขอบคุณที่โทรศัพท์มาสอบถามกันแบบนี้"