ธ.ก.ส.ดันบัตรเครดิตซื้อน้ำมัน หวังลดต้นทุนผลิตชาวนา
ผู้จัดการธ.ก.ส.แจงปล่อยบัตรเครดิตชาวนาล้านใบ มิ.ย.นี้ ระบุเพิ่มวงเงินรูดซื้อน้ำมันแต่ยังห่วงเกษตรกรใช้ผิดวัตถุประสงค์ ชี้ต้องคำนวนพท. ไร่และรายได้ผลผลิต ก่อนวางแผงบัตรรูดน้ำมัน
จากกรณีที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีการนำร่องทดลองบัตรสินเชื่อเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 55 ใน 5 จังหวัดจำนวน 15,000 ใบ เฉลี่ยจังหวัดละ 3,000 ใบได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี สระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุทธยา
ล่าสุด นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ขณะนี้บัตรสินเชื่อเกษตรกรสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีการมอบให้ชาวนาในจังหวัดร้อยเอ็ดภายในวันที่ 16 มิ.ย.55 อีกจำนวน 1 ล้านใบ ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. และจำนวนอีก 1 ล้านใบภายในปี 56
นอกจากนี้ได้มีการหารือร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มอบหมายให้ธ.ก.ส.ร่วมกับกระทรวงพลังงานหาแนวทางลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร โดยสามารถนำวงเงินบัตรสินเชื่อไปใช้รูดซื้อน้ำมันได้ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด หรือเป็นบัตรส่วนลดน้ำมัน จากทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) คาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้จะได้ข้อสรุป
“วงเงินในบัตรที่เกษตรกรได้รับนั้น จะยังอยู่ในกรอบที่ธนาคารพิจารณาให้ลูกค้าแต่ละราย ซึ่งจะอยู่ที่ 60-80% ของรายได้จากการขายผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับในแต่ละปี โดยหากเป็นลูกค้าที่ดีจะได้สูงสุด 80% แต่หากเห็นว่าบางรายมีวงเงินไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้ซื้อน้ำมัน อาจขยายวงเงินให้และต้องพิจารณาด้านความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย”ผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าว
ขณะนี้มอบหมายให้บริษัทวีสมาร์ท ผู้ทำบัตรสินเชื่อเกษตรกรไปหารือร่วมด้วยกับกระทรวงพลังงาน เพื่อผู้ให้บริการเครื่องรูดชำระบัตรเครดิตของทั้ง 2 รายปรับระบบเครื่องให้สามารถอ่านบัตรสินเชื่อได้ เพราะปกติบัตรสินเชื่อเกษตรกรที่ทางธ.ก.ส.กำหนดไว้นั้นมีวัตถุประสงค์ใช้รูดสินค้าได้ 3 ประเภทคือ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธุ์พืช อย่างไรก็ตามบัตรสินเชื่อเกษตรกรก็สามารถนำไปซื้อสินค้าอื่น ๆ ได้ในอนาคตข้างหน้า แต่ภายในปีนี้ทางธ.ก.ส.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องการให้สามารถใช้ลดน้ำมันได้ก่อน
“บัตรสินเชื่อเกษตรกรมีวงเงินที่จะซื้อปัจจัยการผลิตไว้ 3 ชนิด แต่ถ้าการเจรจาสำเร็จเรียบร้อยก็จะมีการเปิดวงเงินที่4 เพื่อใช้ซื้อน้ำมัน ได้จาก2 บริษัท ทั้งนี้ต้องศึกษาพื้นที่ในการผลิต และความจำเป็นน้ำมันที่ใช้ในเครื่องจักรกลการเกษตร และยานพาหนะ และต้องควบคุมการใช้เพื่อไม่ให้นำบัตรไปซื้อน้ำมันผิดวัตถุประสงค์” นายลักษณ์ กล่าว.