x-files (12): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาง ‘ก.’ จนท.ที่ดิน เรียกเก็บค่าโอนขายที่ดินเข้ากระเป๋าตนเอง
“...นาง ก. เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน มีหน้าที่พิจารณาคำขอตรวจหลักฐานทางทะเบียนและเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิและนิติกรรมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้รับคำสั่งให้อยู่เวรทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และแจกบัตรคิว แต่นาง ก. ได้รับเรื่องการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนขายที่ดินรายหนึ่งไว้ดำเนินการเองและได้เรียกรับเงินจำนวน 10,000 บาท จากผู้ขายที่ดินเป็นค่าดำเนินการ พร้อมทั้งเงินอีกจำนวน 45,112 บาท นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมและค่าภาษีอากรตามใบเสร็จรับเงิน นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว...”
x-files :พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 12 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. ในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของตัวอย่างคดีทุจริตในหมวดเจ้าหน้าที่รัฐเรียก รับ ผลประโยชน์ จะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)
@ เรียกรับเงินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนขายที่ดิน
ข้อเท็จจริง นาง ก. เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน มีหน้าที่พิจารณาคำขอตรวจหลักฐานทางทะเบียนและเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิและนิติกรรมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้รับคำสั่งให้อยู่เวรทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และแจกบัตรคิว แต่นาง ก. ได้รับเรื่องการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนขายที่ดินรายหนึ่งไว้ดำเนินการเองและได้เรียกรับเงินจำนวน 10,000 บาท จากผู้ขายที่ดินเป็นค่าดำเนินการ พร้อมทั้งเงินอีกจำนวน 45,112 บาท นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมและค่าภาษีอากรตามใบเสร็จรับเงิน นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของ นาง ก. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง สำหรับความผิดทางอาญา เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีอาญาได้
@ เรียกรับเงินค่าป่วยการ เพื่อช่วยให้ได้รับมรดก
ข้อเท็จจริง นาง ก. ได้ไปพบ นาย ข. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน และทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายทะเบียนสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร ได้ปรึกษาเรื่องการโอนมรดกของสามี นาย ข. จึงได้แนะนำและช่วยจัดหาทนายความให้ และให้ยืมเงินค่าจ้างทนายความ ต่อมาเมื่อศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งคำร้อง จึงได้ยื่นขอโอนมรดกเฉพาะส่วนต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร ในระหว่างที่นาง ก. ขอจดทะเบียนรับมรดกของสามีนั้น นาย ข. ได้เรียกเงินจำนวน 1,000,000 บาท จากนาง ก. เป็นค่าป่วยการเพื่อช่วยให้ได้รับมรดก ซึ่งนาง ก. ตกลงยินยอมตามที่เรียกร้องและทำหลักฐานเป็นหนังสือให้ไว้ต่อกัน ต่อมา นาง ก. ตกลงขายที่ดินให้แก่นาย ข. ราคา 4,000,000 บาท มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำไว้ โดยถือว่าเงิน 1,000,000 บาท ที่เรียกร้องนั้น เป็นเงินมัดจำส่วนหนึ่งตามสัญญา
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ข. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157
@ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์
ข้อเท็จจริง ร้อยตำรวจเอก ก. และพวก อ้างตนเป็นตำรวจทางหลวงหรือตำรวจกองปราบปรามแต่ทำการขมขู่ เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินจากผู้ค้ากระเทียมเถื่อน โดยข่มขู่ว่าหากบุคคลใดไม่ยอมให้ทรัพย์สินตามที่เรียกร้องก็จะจับกุมดำเนินคดีในข้อหานำเข้ากระเทียมเข้ามาในราชอาณาจักรโดยลักลอบหนีภาษีศุลกากร รวมถึงการกรรโชกเอากระเทียมที่บรรทุกมาในรถและไม่จับกุมดำเนินคดี ร่วมกันบังคับให้รถบรรทุกกระเทียมเถื่อนหยุดรถเพื่อจะจับกุมแล้วละเว้นไม่จับกุมดำเนินคดี และการแต่งเครื่องแบบตำรวจกองปราบปราม เรียกร้องเงินจากเจ้าของกระเทียม และเป็นเงินรายเดือนอีก
นอกจากนี้ ร้อยตำรวจเอก ก. และพวก ได้เดินทางไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง เรียกรับเงินจากเจ้าของร้านโดยอ้างว่าจะจับกุมในข้อหาจัดให้มีการค้าประเวณีในร้าน ซึ่งการกระทำของร้อยตำรวจเอก ก และพวกมีลักษณะและพฤติกรรมในการกระทำความผิดในแต่ละคราวคล้ายคลึงกัน
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำร้อยตำรวจเอก ก. และพวก เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 98 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยตำรวจ พ.ศ. 2477 มาตรา 5 (12) และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2521 มาตรา 45 และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
@ เรี่ยไรเงินโดยขอร้องแกมบังคับให้โรงพยาบาล 6 แห่ง บริจาคเงินเพื่อซื้อรถตู้ไว้ใช้งาน
ข้อเท็จจริง นาย จ. ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ กระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เฉพาะในเขตตรวจราชการ ร่วมกับนางสาว อ. นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ และผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ข่มขืนใจหรือจูงใจผู้อำนวยการโรงพยาบาลภายในเขตตรวจราชการที่ ๖ จำนวน ๕ แห่ง ให้มอบเงินสวัสดิการโรงพยาบาลหรือเงินสนับสนุนโรงพยาบาล เพื่อนำมาซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ VOLKWAGEN ราคา ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท จากบริษัท ท. เพื่อจะนำไปใช้ในราชการของเขตตรวจราชการ โดยไม่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโอนเข้าบัญชีแม่บ้านสาธารณสุข ส. และบัญชีสวัสดิการเขตตรวจราชการ รวมเงินจำนวนทั้งสิ้น ๓,๖๐๑,๐๒๐ บาท ซึ่งต่อมาได้โอนเงินจำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท จากบัญชีแม่บ้านสาธารณสุข ส. ให้บริษัท ท. เพื่อชำระเป็นค่ารถยนต์ยี่ห้อ VOLKWAGEN โดยได้เอาเงินส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๐๐,๐๐๐บาท ไปเป็นของตนเอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้กันนางสาว อ. ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี เนื่องจากนางสาว อ. ได้ให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ต่อการไต่สวนข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในการที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้มูลการกระทำความผิดของนาย จ. ตัวการสำคัญได้ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจราชการเขต ได้รับมอบหมายจากนาย จ. ให้ช่วยติดต่อประสานงานกับผู้บริหารโรงพยาบาลในเรื่องการจัดซื้อรถยนต์นี้ กล่าวคือ เป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้อำนวยการหรือเจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลต่างๆ ให้โอนเงินเข้าบัญชีแม่บ้านสาธารณสุข ส. และบัญชีสวัสดิการเขตตรวจราชการ โดยเกิดขึ้นภายหลังจากที่นาย จ. ได้พูดคุยขอเรี่ยไรรับเงินบริจาค กำหนดจำนวนเงินกับผู้บริหารของโรงพยาบาลต่างๆ อันเป็นการข่มขืนใจหรือจูงใจผู้บริหารโรงพยาบาลและเป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว การกระทำของนางสาว อ. เป็นเพียงกระทำตามคำสั่งของนาย จ. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตามที่ได้มอบหมายเท่านั้น
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย จ. มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่ว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘๕ (๑), (๔) มาตรา ๘๕ (๗) ประกอบมาตรา ๘๒ (๒) และมาตรา ๘๕ (๗) ประกอบมาตรา ๘๓ (๓)
และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘ และมาตรา ๑๕๗ โดยกันให้นางสาว อ. มาไว้เป็นพยานตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ. ๒๕๕๔
@ เรียกรับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีให้ได้รับโทษหนักขึ้นหากไม่ยินยอมตามที่เรียกร้อง
ข้อเท็จจริง ผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และสิ่งผิดกฎหมายอื่น จึงถูกแจ้งข้อหารวม 5 ข้อหา ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหา โดยเห็นควรสั่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัด โดยนาย ฉ. อัยการจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบในสำนวนคดีนี้ ได้ทำการติดต่อเรียกรับเงินจากญาติของผู้ต้องหาอ้างว่าเพื่อจะช่วยเหลือหรือกลั่นแกล้งในทางคดีแก่ผู้ต้องหาหลายครั้งทั้งทางโทรศัพท์และไปพบด้วยตนเอง ในส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา นาย ฉ. ได้ใช้หนังสือให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม และเป็นการสั่งการในห้วงเวลาเดียวกันกับที่ได้ติดต่อกับฝ่ายผู้ต้องหาและญาติ โดยใช้หนังสือสั่งให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมมาข่มขู่ให้เกิดความกลัว
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ฉ. ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ฐานกระทำการอันทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๔๔ , ๔๗ และมาตรา ๖๐ (๑), (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๔๙ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ ข้อ ๗ และมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ มาตรา ๒๐๑
------------
สัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์เริ่มต้น นำเสนอคดีสำคัญในหมวดใหม่ "การทุจริตช่วยเหลือผู้กระทำความผิด" จะมีคดีสำคัญอะไรบ้าง โปรดติดตามเช่นเดิม
อ่านประกอบ:
x-files (1) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต รมต.-ผอ.รพ.รัฐ เอื้อปยจัดซื้อจ้างบ.พวกพ้อง
x-files (2) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บทลงโทษ พลเอก 'ก.' เลี่ยงระเบียบซื้อที่ดิน32ล.
x-files (3): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต คดีใหญ่รถดับเพลิง-นายกอบจ.งาบมุ้งไข้เลือดออก
x-files (4):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตที่ปรึกษารมต.จัดซื้อยา-เชือดอธิบดีงาบเรือขุด
x-files (5):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อบต.ตรวจงานเท็จ -ประปาร้อยเอ็ดเรียกเงินผู้รับจ้าง
x-files (6):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ.ยักยอกATM ผู้ต้องหาคดียาบ้ากดเงินใช้ 7 แสน
x-files (7):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พันเอก พ. อมค่าโฆษณาวิทยุกองทัพภาคที่ 2
x-files (8): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต สจ. 'ข.' เอารถหลวงจำนำร้านคาราโอเกะ
x-files (9): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พ.ต.ต. แก้ใบเสร็จยักยอกเงินซื้อรองเท้า 3แสน
x-files (10): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ดาบตำรวจ ‘ก.’ เรียกรับเงินงบซ่อมถนน 7 แสน
x-files (11): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บิ๊กตำรวจ ‘ก.’ รับเคลียร์หนี้พนันละเว้นจับกุม