เปิดที่ว่าการอำเภอฯแจง‘อิศรา’ กุฏิ ศาลาวัดดัง จ.นครนายก เปล่ารุกแม่น้ำ-งัดภาพเก่ายัน
นายอำเภอองครักษ์ นัด ผอ.สนง.พระพุทธฯจังหวัด กำนัน เปิดที่ว่าการฯ ชี้แจง ‘อิศรา’ ปมร้อง กุฏิ ศาลา พื้นที่วัดประสิทธิเวช จ. นครนายก โผล่ในแม่น้ำ -คลองสาธารณะ เปล่ารุกล้ำ สอบถามชาวบ้านนับสิบ ไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่ครอบครองมาสมัยอยุธยา งัดภาพถ่ายเก่ายืนยัน
สืบเนื่องจาก มีชาวบ้านร้องเรียนมายัง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า วัดประสิทธิเวช ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก ได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่ กุฏิ ศาลากลางน้ำ รวมถึงสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ล้ำเข้าไปยังคลองลึกและแม่น้ำบางปลากดทั้ง 2 ด้านว่า มีการขออนุญาตถูกต้อง หรือไม่ และในส่วนของพื้นที่ที่ดูเหมือนยื่นไปในแม่น้ำและคลองทั้งสองด้นมีการเอกสารสิทธิ์หรือไม่ รวมทั้ง ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่าหรือไม่ (อ่านประกอบ : สอบ! กุฏิ -ที่ดิน วัดดัง จ.นครนายก โผล่ในแม่น้ำ-คลองสาธารณะ)
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 เวลาประมาณ 14.00 น. เรือโทภัทรชัย ขันธหิรัญ นายอำเภอองครักษ์ นายกวี ยามเย็น กำนันตำบลบางปลากด และผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครนายก (เจ้าตัวของสงวนชื่อ) ร่วมกันชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศรา ณ ที่ว่าการอำเภอองครักษ์ และ ภายในวัดประสิทธิเวช
นายอำเภอองครักษ์ชี้แจงว่าจากการสอบปากคำชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบวัด ประมาณ 10 คน ทั้งหมดให้ปากคำเหมือนกันว่าเห็นทั้งวัดและกุฏิริมน้ำมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนานหลายสิบปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีการสร้างรุกล้ำลงแหล่งน้ำสาธารณะแต่อย่างใด
ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ถึงแม้ทางวัดจะยังไม่ได้มีการรังวัดที่ดินเพื่อออกเอกสารสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ทางวัดก็เป็นเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้อง โดยอ้างอิงจากระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินของวัดวาอารามตามมาตรา 84 แห่งประมวลกฏหมายที่ดิน ซึ่งระบุว่าวัดที่ได้ที่ดินมาก่อนการประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2495 ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินอีก
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจ.นครนายก ชี้แจงเพิ่มเติมว่า อ้างอิงจากคำพิพากษาฎีกาที่ 1758/2516 ซึ่งตัดสินให้สามารถใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินของวัดได้ ดังนั้นวัดประสิทธิเวชซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มีหลักฐานและคำบอกเล่าว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างถูกต้องถึงแม้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินและสามารถก่อสร้างรวมถึงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างในวัดได้
ประเด็นที่ทางวัดถูกร้องเรียนว่าสร้างกุฏิรุกล้ำเข้าไปยังแม่น้ำ กำนันตำบลบางปลากดและนายอำเภอชี้แจงว่า ทางวัดไม่ได้สร้างกุฏิรุกล้ำเข้าไปยังแม่น้ำ แต่กุฏิดังกล่าวเป็นกุฏิเก่าถูกสร้างอยู่บริเวณนั้นมาหลายสิบปีแล้ว โดยมีหลักฐานจากภาพถ่ายเก่า เสาค้ำกุฏิเก่าซึ่งหลงเหลือจากการบูรณะกุฏิและยังไม่ได้รื้อถอนออก รวมถึงบางส่วนของกุฏิก็ยังมีสภาพเป็นไม้เก่าแก่ โดยกุฏิหลังใหม่ที่เห็นในภาพนั้นเป็นกุฏิเก่าที่ถูกบูรณะเนื่องจากถูกสร้างมานานแล้ว
กำนันตำบลบางปลากด ชี้แจงว่า ในส่วนของข้อสงสัยว่าการก่อสร้างกุฏิริมน้ำของทางวัดกีดขวางการจราจรทางน้ำหรือไม่ ได้สอบถามไปยังกรมเจ้าท่าฉะเชิงเทราแล้วการก่อสร้างกูฏิของทางวัดไม่ก่อให้เกิดปัญหากีดขวางการจราจรทางน้ำ เนื่องจากอยู่เพียงริมตลิ่ง
ก่อนหน้านี้ช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค. 2561 สำนักข่าวอิศราโทรศัพท์สอบถามไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่ารายหนึ่งอ้างว่ายังไม่ทราบเรื่องการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่แม่น้ำและคลองสาธารณะของทางวัดเนื่องจากยังไม่มีผู้ร้องเรียนเข้ามา และให้ผู้ร้องเรียนทำหนังสือร้องเรียนเข้ามายังทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคเพื่อที่ทางสำนักงานเจ้าท่าจะได้ดำเนินการณ์ลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า การชี้แจงในครั้งนี้ หลังจากชี้แจงบนที่ว่าการอำเภอแล้ว ทางคณะของนายอำเภอและกำนันพาผู้สื่อข่าวไปดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ และได้นำภาพถ่ายเก่าที่แขวนอยู่ในวัดมาประกอบการชี้แจงว่าสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวถูกสร้างมานานและอยู่ในพื้นที่ของวัด อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเอาเอกสารสิทธิ์ อาทิ โฉนดที่ดิน หรือ เอกสารการครอบครองมาประกอบการชี้แจงแต่อย่างใด
อ่านประกอบ :