ปฏิบัติการช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวงครบ 13 รายแล้ว ทุกชีวิตปลอดภัย
ปฏิบัติการช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง ได้ครบ 13 รายแล้ว ยืนยันทุกชีวิตปลอดภัย รวมทั้งหมอภาคย์ + 4 หน่วยซีล ด้าน ผู้ว่า 'ณรงศักดิ์' ขอบคุณทุกหน่วยงาน ร่วมทำภารกิจให้ประสบความสำเร็จ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลา 18.47 น. ที่เต้นท์แพทย์สนาม บริเวณหน้าปากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย นักฟุตบอลทีมเยาวชน หมูป่าอะคาเดมี รายที่ 12 และ 13 ได้เดินทางออกมาจากปากถ้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างตรวจร่ายกายที่เต้นท์แพทย์สนาม โดยทีมแพทย์สนามและถูกนำส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้ ทีมช่วยเหลือ กำลังรอรับตัว พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน แพทย์สนามผู้ทำการปฐมพยาบาลให้กับนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี
ต่อมาเวลา 18.40 น. เฟซบุ๊ก Thai Navy Seal ได้โพสต์รายงานปฏิบัติการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดล่าสุดว่า "รอรับ Thai Navy SEAL ที่ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องๆ อีก 4 คนนะครับ ส่งกำลังใจไปถึงพวกเขากันหน่อย"
ต่อมาเมื่อเวลา 21.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้อำนวยกสน ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.)ก็ได้แถลงข่าวสรุปถึงการปฏิบัติภารกิจว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรและจากทั่วโลก ที่ส่งมาอวยพรทำให้ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ
โดยเมื่อเวลา 21.35 น.นายณรงศักดิ์ก็ได้ยืนยันว่า นพ.ภาคย์ และหน่วยซีลอีก 3 คนได้ออกมาจากปากถ้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยปลอดภัย โดยตนต้องขอขอบคุณไปยังกองทัพบกด้วยที่นำกำลังมามากกว่าหนึ่งพันนายเพื่อสนับสนุนภายกิจนี้ ทั้งกองกำลังสุรนารีย์ หน่วยแพทย์ในภาคเหนือ ต้องขอขอบคุณไปยังกองทัพเรือที่ส่งหน่วยซีลเข้ามาช่วยเหลือในภารกิจนี้ ขอบคุณกองทัพอากาศที่ดูแลระบบต่างๆ ขอบคุณตำรวจที่ส่งกำลังมาร่วมสำรวจถ้ำ และดูแลการจราจรให้มีความเรียบร้อย ขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลทั้งในส่วนของกรมสุขภาพจิตที่ส่งจิตแพทย์มาดูแลสภาพจิตใจของญาติๆของเด็ก ขอขอบคุณ จ.อ.สมาน กุนัน หน่วยซีลนอกราชการ ที่สละชีพเพื่อช่วยเหลือน้องๆทั้ง 13 คน ถือว่าท่านเป็นฮีโร่ของถ้ำหลวงอย่างแท้จริง
และขอขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกคนที่ร่วมกันติดตาม และนำเสนอข่าวนี้อย่างต่อเนื่องอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะถูกผลักดันออกนอกพื้นที่ก็ตาม
ทั้งนี้อยากให้เข้าใจว่าเหตุผลที่ต้องผลักดันนั้น ก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่ ศอร.ทำคำนึงถึงประโยชน์ของน้องๆโดยสำคัญ
นายณรงศักดิ์ กล่าวต่อว่าหลังจากนี้ภารกิจด้านการค้นหาและกู้ภัยถือว่าเสร็จสิ้นลงอย่างเป็นทางการแล้ว และจะเข้าสู่ภารกิจการส่งกลับ โดยการส่งน้องๆทั้ง 13 คนกลับบ้าน จะเป็นภารกิจของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ที่จะต้องประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูแลสุขภาพของน้องๆต่อไป
และหลังจากวันนี้ ทาง ศอร.ก็จะต้องดำเนินภารกิจส่งคืนอุปกรณ์ช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆทั้งในประเทศไทยและจากทั่วโลก ส่งมาเพื่อสนับสนุนภารกิจของ ศอร.จำนวนมากกว่า 500 หน่วยงาน ซึ่งในวันที่ 11 ก.ค.ในเวลาประมาณ 21.30 น. ทาง ศอร.ก็จะแถลงข่าวให้ทราบรายละเอียดต่อไป
นายณรงศักดิ์กล่าวต่อว่าตนอยากให้ภารกิจช่วยเหลือกู้ภัยในครั้งนี้กลายเป็นกรณีโป่งผางโมเดล เพราะเราได้ทำภารกิจช่วยเหลือที่มีการประเมินว่าเป็นไปไม่ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ อยากให้นำเอาเหตุการณ์นี้ไปเป็นอุทาหรณ์ว่าจะมีการเตือน ป้องกันอย่างไร เพื่อจะไม่ให้มีผู้ที่ต้องไปติดอยู่ในถ้ำแบบนี้อีก
ขณะที่พล.ต.ต. ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่าตนขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมให้ภารกิจสำเร็จไปได้ ส่วนการดำเนินคดีกับสำนักข่าวที่นำโดรนเข้าไปบินในพื้นที่จนก่อกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น ทางตำรวจได้ทำเรื่องส่งฟ้องศาลดำเนินคดีเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และศาลก็ได้รับคดีวันที่ 10 ก.ค. และศาลก็ได้สั่งลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยปรับเงินจำนวน 1 หมื่นบาท และยึดโดรนเอาไว้ ดังนั้นตนต้องขอโทษกับผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้วยจริงๆ และขอขอบคุณสื่อมวลชนที่อยู่ ณ ที่นี้ที่ได้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายด้วย