ผู้การ ตร.อุทัยฯ ชง ป.ป.ช.ฟันบิ๊ก ขรก.ไม่สั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.บิ๊กลอตแสนไร่ รุกป่าสงวน
ผบก. ตร.จ.อุทัยธานี ส่งเอกสาร 99 แฟ้มร้อง ป.ป.ช เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐกราวรูด ละเว้นเพิกถอน น.ส. 3 ก. 5,748 แปลง 109,009 ไร่ ออกในป่าสงวนฯ หลักฐานชัดกรมป่าไม้ชงเรื่องให้ผู้ว่าฯตั้งแต่ปี 2523 แต่กลัวผลกระทบ โยนกันไปมากับกรมที่ดิน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2561 พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดอุทัยธานี พร้อมเอกสารจำนวน 99 แฟ้ม กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้น ไม่ดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 ก ที่ออกในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5,748 แปลง เนื้อที่ 109,009-2-69.6 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอใน จ.อุทัยธานี หลังจากกรมป่าไม้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 ก. ตาม มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.2523 ที่ออกโดยมิชอบ แต่ผู้ว่าฯ ใช้ดุลพินิจเกรงว่าจะเกิดผลกระทบจึงไม่ดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 ก.ดังกล่าว
หนังสือกล่าวโทษระบุว่า ต่อมาในปี 2543 มีการแก้ไข มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินให้อำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน และรองอธิบดีกรมที่ดินที่ได้รับมอบหมายในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กรมป่าไม้มีหนังสือลงวันที่ 12 เม.ย.2544 ถึงอธิบดีกรมที่ดินให้ดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 ก.ทั้ง 5,748 อีกครั้ง
ต่อมากรมที่ดินทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับสถานะของป่าดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นป่าไม้ถาวร และป่าสงวนแห่งชาติ
ในปี 2552-2559 มีการทำหนังสือติดตามเรื่องระหว่าง กรมป่าไม้ กรมที่ดิน และผู้ว่าฯอุทัยธานี หลายครั้ง มีการโต้ตอบกันไปมาระหว่างกรมที่ดิน จังหวัดอุทัยธานี และสำนักงานที่ดินที่รับผิดชอบ ยังไม่มีการเพิกถอน น.ส. 3 ก.
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เนื้อหาของหนังสือกล่าวโทษระบุว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ได้สรุปมาเป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบมาตั้งแต่ต้น และตามกฎหมายให้อำนาจให้ผู้มีอำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวได้ แต่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดังกล่าวมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อกรณีที่มีการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าไม้ถาวรดังกล่าว ทั้งที่กรมป่าไม้ได้เร่งรัดให้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องแล้ว การกระทำของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว จึงมีพฤติการณ์กระทำผิดต่อกฎหมายอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการไต่สวนความผิด จึงเสนอสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นมาเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า น.ส.3 ก.ที่ระบุว่าออกโดยมิชอบอยู่ในเขตป่าสวนแห่งชาติ ประกอบด้วย ปลายห้วยกระเสียว,ป่าห้วยท่ากวยและป่าห้วยกระเวน,ป่าเขาตำแยและป่าเขาราวเทียน, และป่าไม้ถาวร ประกอบด้วย ห้วยทับเสลา ,ป่าห้วยคอกควาย, ป่าเขาพุวันดี ,ป่าห้วยกระเสียวและป่าเขาราวเทียน ท้องที่ อ.บ้านไร่ อ.ห้วยคต และอ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะทำงานชุดป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าในเขตจังหวัดอุทัยธานีนำโดย พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมหมาย เยี่ยงศรีเมือง ผกก.(สอบสวน), เจ้าพนักงานป่าไม้ เจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกัน สำรวจพื้นที่ที่ถูกระบุว่าออก น.ส.3 ก.โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2561
อ่านประกอบ:
เปิดบันทึก จนท.แฉกรมที่ดิน ออก น.ส.3 ก. จ.อุทัยธานี ในเขตป่าไม้ 5,748 แปลง