มรภ.จอมบึง ถูกฟ้อง 2 คดีรวด ไม่ทำตามสัญญาขอเงินบริจาค 5 แสน พ่วงที่ดิน สร้าง ร.ร.ภาษาจีน
เปิดข้อมูล มูลนิธิประชานุเคราะห์ราชบุรี ฟ้อง มรภ.หมู่บ้านจอมบึง 2 คดีรวด ปมขอรับเงินบริจาค 5 แสน พ่วงใช้ประโยชน์ที่ดิน 15 ไร่ สร้างโรงเรียนสอนภาษาจีน แต่ไม่ทำตามสัญญา ด้าน รก.อธิการบดีฯ แจงเรื่องเงินจ่ายคืนไปแล้วช่วง เม.ย. 61 เหลือนัดไกล่เกลี่ยเรื่องที่ดิน ก่อนขึ้นศาลอีกครั้งปลายเดือน ก.ค.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2561 ที่ผ่านมา แหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เปิดเผยข้อมูลกับสำนักข่าวอิศราว่า ขณะนี้มูลนิธิประชานุเคราะห์ ราชบุรี กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (มรภ.หมู่บ้านจอมบึง) กำลังมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ จำนวน 2 คดี ที่ศาลจังหวัดราชบุรี
โดยคดีแรก เป็นคดีหมายเลขดำที่ 597/2556 ลงวันที่ 7 มิ.ย. 2556 มูลนิธิประชานุเคราะห์ ราชบุรี โดย นายชัยอนันต์ อังอำนวยศิริ เป็นโจทก์ ฟ้อง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดย นายชาญชัย ยมดิษฐ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายชาญชัย ยมดิษฐ์ (อธิการบดีในขณะนั้น) ในฐานะส่วนตัว เป็นจำเลยที่ 2 ฐานผิดสัญญา ไม่นำเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท ไปสร้างโรงเรียนสอนภาษาจีนตามที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก นายชาญชัย ยมดิษฐ์ (อธิการบดีในขณะนั้น) ได้มาติดต่อกับ มูลนิธิประชานุเคราะห์ ราชบุรี ในช่วงเดือน มี.ค. 2555 เพื่อขอรับเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปจัดสร้าง “โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (มูลนิธิประชานุเคราะห์อุปถัมป์)” เพื่อสอนหนังสือภาษาจีน ซึ่งต่อมาโจทก์ได้บริจาคเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2555
แต่จนกระทั่งเดือน ธ.ค. 2555 โจทก์เพิ่งทราบว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ดำเนินการสร้างโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (มูลนิธิประชานุเคราะห์อุปถัมป์) ตามที่ได้สัญญาไว้ และเมื่อสอบถามกับจำเลยทั้งสองว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ปรากฏว่ายังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบของโจทก์ พบว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยนำเรื่องโรงเรียนสาธิตฯ ดังกล่าวเข้าขอมติในที่ประชุมกรรมการ ของ มรภ.หมู่บ้านจอมบึง (จำเลยที่ 1) แต่อย่างใด แต่จำเลยที่ 1 และในฐานะส่วนตัวกลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิของจำเลยที่ 1 เสียเอง ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงไว้กับโจทก์
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โจทก์และคณะกรรมการได้มีมติที่ประชุมให้แจ้งจำเลยทั้งสอง คืนเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท ให้แก่โจทก์ ซึ่งได้มอบหมายให้ทนายโจทก์มีหนังสือแจ้งและบอกกล่าวทวงเงินคืนให้แก่จำเลยทั้งสองรับทราบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองยังเพิกเฉย
ส่วนคดีที่สอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1058/2559 ลงวันที่ 9 ก.ย. 2559 มูลนิธิประชานุเคราะห์ ราชบุรี โดยนายศุภชัย โพธิพุทธประสิทธิ์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ ฟ้อง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดย นายชัยฤทธิ์ ศิลาเดช เป็นจำเลยที่ 1 และนายชัยฤทธิ์ ศิลาเดช (รักษาการแทนอธิการบดี) ในฐานะส่วนตัว เป็นจำเลยที่ 2 ฐานผิดสัญญาไม่นำที่ดิน 15 ไร่ ของโจทก์ไปจัดสร้างโรงเรียนและอาคารอื่นๆ ตามที่ได้สัญญาไว้
ซึ่งคดีนี้เป็นผลสืบเนื่องจาก มูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ (โจทก์) เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7897 ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2552 โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการศึกษา โดยโจทก์อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จำนวน 15 ไร่ เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนสอนภาษาจีน จัดสร้างศาลาขงจื้ออาคารแพทย์แผนไทยฝังเข็ม พิพิธภัณฑ์มวยจีน เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย-จีน และเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยจะหาเงินงบประมาณจากประเทศจีน มาสร้างในที่ดินดังกล่าวภายในปี 2553
แต่ปรากฏว่า จนถึงปี 2556 ทางจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างตามที่ตกลงไว้ โดยอ้างว่าไม่สามารถนำเงินงบประมาณของราชการมาดำเนินการได้ และยังไม่สามารถหาเงินงบประมาณจากประเทศจีนตามที่ตกลงกันมาดำเนินการได้ ซึ่งต่อมาทางคณะกรรมการของโจทก์ได้ร่วมประชุมกันและมีมติให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงให้ทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 9-10 ม.ค. 2556 ซึ่งบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมิได้มีการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงมีผลระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น และทางจำเลยที่ 1 ได้รับทราบและไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อประมาณปลายปี 2558 ทางโจทก์ได้ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7897 จึงพบว่า จำเลยทั้งสอง ได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียน ในส่วนของหลังคา และถนนหน้าอาคาร และก่อสร้างโรงจอดรถ ร้านกาแฟ สนามฟุตบอล ทำทางเดิน ปูอิฐตัวหนอน และประตูขวางทางเข้าออก ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์ โดยที่โจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า ในคดีแรกเรื่องเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ไกล่เกลี่ย โดยให้ทาง มรภ.หมู่บ้านจอมบึงชำระเงินจำนวน 500,000 บาท คืนแก่มูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ
“หลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ไกล่เกลี่ยทาง มรภ.หมู่บ้านจอมบึง ได้นำคณะเข้าขอขมากับทางมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ แล้ว แต่ปัจจุบันผ่านมา 2-3 ปี ทางมรภ.หมู่บ้านจอมบึงก็ยังไม่ได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืนแต่อย่างใด ”
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังมรภ.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ มรภ.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ยืนยันว่า ได้นำเงินจำนวน 500,000 บาท ไปวางที่สำนักงานบังคับคดีแล้ว ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนทางบัญชีของสำนักงานบังคับคดีก่อน เสร็จแล้วจึงจะมีหมายเรียกให้ทางมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ ไปรับเงิน
ส่วนนายชัยฤททธิ์ ศิลาเดช รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราว่า กรณีเรื่องเงินบริจาค 500,000 บาทนั้น ได้คืนทางมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ ไปแล้วเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา ทำให้กรณีนี้สิ้นสุดแล้ว
สำหรับกรณีเรื่องที่ดินมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ 15 ไร่นั้น นายชัยฤททธิ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการไกล่เกลี่ย โดยช่วงเช้าวันนี้ (12 มิ.ย. 2561) ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นิติกรติดต่อนัดวันไกล่เกลี่ยกับทางทนายของมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ก็ประสงค์จะไกล่เกลี่ยกันก่อนที่จะขึ้นศาลอีกครั้งในปลายเดือน ก.ค. 2561 นี้ ทั้งนี้ โรงเรียนสาธิตฯ ได้สร้างแล้วเสร็จและเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นมา
ขณะที่สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อไปที่ มูลนิธิประชานุเคราะห์ ราชบุรี เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับสายแจ้งว่า ผู้ที่ดูแลเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ ให้ฝากเรื่องและเบอร์ติดต่อไว้
ส่วนนายสมคิด อโศกสกุล ในฐานะทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวเพียงแค่ว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการของศาลไม่สามารถให้ข้อมูลได้