วิจารณ์ขรม! เกณฑ์เลื่อนตำแหน่งอัยการใหม่ เน้นความรู้ยิ่งกว่าอาวุโส-โฆษก อสส. ลั่นไม่มีข้ามหัว
ขรก.อัยการ วิจารณ์ขรม! สำนักงาน ก.อ. ประกาศเกณฑ์พิจารณาแต่งตั้ง-โยกย้าย 1 ต.ค.นี้ ปรับใช้แนวทางการตัดสินความรู้ความสามารถประสบการณ์แทนลำดับอาวุโส หวั่นผู้มีอำนาจปูทางคนใกล้ชิดเลื่อนขั้นได้ดิบได้ดี ด้านโฆษกอสส.ลั่น ไม่มีแต่งตั้งข้ามหัวแน่ เน้นเลือกตามความเหมาะสมตำแหน่ง ระบุใครไม่พอใจพร้อมอธิบาย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ขณะนี้กำลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการอัยการ เกี่ยวกับการเปลีี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการ ที่ใช้เกณฑ์ตัดสินความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่าลำดับอาวุโส แตกต่างจากการเลื่อนตำแหน่งในอดีตจะยึดเรื่องอาวุโสเป็นหลัก ซึ่งทำให้ถูกมองว่าการเลื่อนตำแหน่งในปีนี้ อาจมีความพยายามจากผู้มีอำนาจที่จะช่วยเหลือบุคคลใกล้ชิดซึ่งปัจจุบันยังมีอาวุโสน้อย ให้สามารถได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสำคัญได้
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการอัยการ(ก.อ.)ได้ออกประกาศแจ้งเวียนถึงข้าราชการอัยการ เรื่อง การให้ยื่นแบบแสดงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการ ระบุเนื้อหา ว่า ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2561 จะมีตำแหน่งอธิบดีอัยการ รองอธิบดีอัยการ และอัยการพิเศษฝ่ายว่าง เพราะยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง มีผู้ขอไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส และมีผู้ต้องดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสในปีงบประมาณ 2562 รวมทั้งมีผู้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น รวมจำนวน 183 ตำแหน่ง ได้แก่ อธิบดีอัยการ 40 ตำแหน่ง รองอธิบดีอัยการ 64 ตำแหน่ง อัยการพิเศษฝ่าย 79 ตำแหน่ง จึงกำหนดให้ข้าราชการที่อยู่ในลำดับอาวุโสที่อาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในแต่ละระดับ หรือข้าราชการอัยการที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนสำนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ยื่นแบบแสดงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาโยกย้ายต่อสำนักงาน ก.อ. ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2561 เพื่อสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการเสนอ ก.อ. พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในประกาศแจ้งเวียนดังกล่าว ระบุว่า การพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ รองอธิบดีอัยการ และอัยการพิเศษฝ่าย จะคำนึงถึงความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะได้รับการแต่งตั้งยิ่งกว่าลำดับอาวุโสเป็นหลัก จึงขอให้ผู้ที่อยู่ในลำดับอาวุโสที่จะดำรงตำแหน่ง แจ้งข้อมูลที่แสดงถึงความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว เช่น เคยศึกษา อบรมมีประสบการณ์ ผลงานทางวิชาการ หรือข้อมูลอื่นๆ ไว้ในข้อมูลประกอบการพิจารณาในแบบแสดงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาโยกย้ายด้วย ส่วนอัยการอาวุโส อาจได้รับการพิจารณาให้ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานที่ขาดแคลนอัตรากำลังตามความเหมาะสม
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในประกาศฉบับนี้ ยังระบุว่า สำหรับผู้ที่อยู่ในลำดับอาวุโส ที่อาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีอัยการ ถึงนายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ , ผู้ดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษฝ่าย ถึงนายศักดา ช่วงรังสี และผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ถึง นายจิตติ เหลือทองคำ แต่จำนวนผู้ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากมีผู้ไม่ได้รับการแต่งตั้งหรือมีการเพิ่มตำแหน่งหรือมีผู้ประสงค์ขอเป็นอัยการอาวุโสภายในกำหนดวันที่ 30 มิ.ย.2561 จึงให้ผู้ที่มีอาวุโสในลำดับถัดต่อไปยื่นแบบแสดงข้อมูลฯ เผื่อไว้ด้วย
นอกจากนี้ เนื่องจากในปีงบประมาณ 2561 จะมีอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจำนวน 79 ตำแหน่ง จึงให้อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนสำนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ สามารถยื่นแบบแสดงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาโยกย้ายต่อสำนักงาน ก.อ. ได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2561 เพื่อสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้นำข้อมูลดังกล่าวประกอบการพิจารณาจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการเสนอ ก.อ.เพื่อพิจารณาต่อไป เช่นกัน
ส่วนกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษดังกล่าวแล้ว หากมีสำนักงานที่ยังขาดอัตราอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุดอาจพิจารณาให้อัยการผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษในวันที่ 1 ต.ค. 2561 ถึงนางจุไรรัตน์ สายเจริญ ไปปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสม แม้มิได้ขอย้าย แต่จำนวนผู้ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ หากมีผู้ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
แหล่งข่าวจากกลุ่มข้าราชการอัยการ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ภายหลังการแจ้งเวียนประกาศดังกล่าว ปรากฏว่าได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการอัยการเป็นอย่างมาก เนื่องจากการประกาศดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรก ที่มีการระบุเกณฑ์ในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งจากความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะได้รับการแต่งตั้งมากกว่าลำดับอาวุโส แตกต่างจากการเลื่อนตำแหน่งในอดีตจะยึดเรื่องอาวุโสเป็นหลัก ทำให้ถูกมองว่า การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในปีนี้ อาจมีความพยายามของผู้มีอำนาจ ที่จะช่วยเหลือบุคคลใกล้ชิด ที่ปัจจุบันยังมีอาวุโสน้อย ให้สามารถได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสำคัญได้
ด้าน นายวันชาติ สันติกุญชร อธิบดีอัยการสำนักงาน ก.อ.และโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า หลักการเลื่อนตำแหน่งอัยการสูงสุดนั้นยังยึดตามหลักการอาวุโสแบบเดิมอยู่ ส่วนข้อความในข้อ 3 ที่ระบุในประกาศว่าการพิจารณาแต่งตั้งอธิบดีอัยการ รองอธิบดีอัยการ และอัยการพิเศษฝ่ายจะต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะได้รับการแต่งตั้ง ตรงนี้จะมีแบบประเมินชัดเจน ผู้บริหารจะมาประชุมกันว่าใครจะเหมาะสมกับตำแหน่ง เพราะว่ามีบางตำแหน่งอัยการแต่ละคนจะรู้เฉพาะด้าน ไม่ใช่ว่าจะทุกคนจะรู้ทั้งหมด อาทิ ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นอัยการฝ่ายต่างประเทศ จะต้องรู้ในเรื่องต่างประเทศ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการส่งคนไปประจำตำแหน่งต่างต่างๆนั้นจะทำเป็นระนาบเดียวกัน ไม่มีการเปลี่บนแนวระนาบหรือมีการเลื่อนข้ามขั้นอย่างแน่นอน สิ่งที่แตกต่างนั้นจะมีอย่างเดียวคือลักษณะเฉพาะฝ่ายเท่านั้น
"ลักษณะการเลือกไปดำรงตำแหน่งในแต่ละฝ่ายจะเป็นไปตามที่ข้าราชการคนนั้นได้เลือก โดยผู้มีอาวุโสสูงสุดจะได้เลือกก่อน แต่ถ้าหากมีคนเลือกตำแหน่งนั้นหลายคน ก็จะเลือกเอาผู้ที่มีความเหมาะสม มีความรู้กับตำแหน่งนั้นๆมากที่สุดไปดำรงตำแหน่ง ถ้าหากข้าราชการคนไหนถูกย้ายไปแล้วเกิดความสงสัย หรือข้องใจว่าการแต่งตั้งนั้นมีความไม่เป็นธรรม ก็สามารถจะร้องเรียนไปยัง สำนักงาน ก.อ.ได้ โดย ก.อ.ก็จะอธิบายให้เขาได้เข้าใจต่อไป" นายวันชาติ ระบุ
เมื่อถามต่อว่า ทำไมถึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์แบบนี้ออกมา นายวันชาติ ตอบว่า "เหตุผลที่ต้องกำหนดกฎเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นมาก็เพราะว่าต้องการให้มีความชัดเจน จะได้ไม่มีใครไปฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เกิดการตีความ เพราะจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้"
เมื่อถามว่า ประกาศดังกล่าวเป็นมติของ ก.อ. หรือว่าเป็นแค่ ความเห็นของอัยการสูงสุดเท่านั้น นายวันชาติกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นแค่ประกาศของฝ่ายบริหารสำนักอัยการสูงสุด ยังไม่ผ่านจากมติของ ก.อ.แต่อย่างใด แต่ถ้าเรื่องนี้เข้าสู่บอร์ด ก.อ. ก็จะมีการแก้ไขให้เหมาะสม จากนั้นจึงให้ ก.อ.ลงมติเพื่อให้ผ่านความเห็นชอบต่อไป"