กสทช.ชี้สื่อดันผีพนันพุ่ง เสนอยกแทงบอลขึ้นบนดิน ปชช.ร่วมสอดส่องโต๊ะบอลในชุมชน
กสทช.ระดมสมองอุดช่องโหว่สื่อส่งเสริมพนัน-ดันพลังประชาชนสอดส่องโต๊ะบอลในชุมชน กรมปกครองเผยแทงออนไลน์จับยาก เสนอดันขึ้นบนดิน-เก็บภาษี
วันที่ 10 พ.ค. 55 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดเสวนา “บอลยูโรกับเกมพนันบนหน้าจอ-หน้าปัด” การรู้เท่าทันของผู้บริโภคและความรับผิดชอบของสื่อ โดยนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ(กสทช.)กล่าวว่าสื่อมวลชนโดยเฉพาะวิทยุโทรทัศน์เป็นอีกเครื่องมือส่งเสริมการพนันบอล เพราะผู้ดำเนินรายการ นักข่าว นักพากษ์ วิเคราะห์เกมการเล่น และฟันธงผลแพ้ชนะ รวมทั้งมีการชิงโชคผ่านข้อความบนมือถือ(เอสเอ็มเอส) มีการแทงผลบอลผ่านสื่อออนไลน์ ส่งไปรษณียบัตรเสี่ยงทายผลบอล
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ(กสทช.)กล่าวว่าต้องการระดมสมองทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การผลักดันในเชิงนโยบายในการแก้ปัญหา เช่น เงื่อนไขในการกำกับดูแลสื่อวิทยุโทรทัศน์ การขอใบอนุญาตจัดทำรางวัลเสี่ยงโชค โดยรูปแบบรายการ ผู้ดำเนินรายการ และโฆษณา ต้องไม่ส่งเสริมหรือขัดต่อ พ.ร.บ.การพนัน 2478 และขอความร่วมมือจากสมาคมวิชาชีพ ผู้ประกอบการ ให้มีความรับผิดชอบ
นาย (ไข่) นามสมมติ เยาวชนผู้บริโภคสื่อ เล่าถึงประสบการณ์ว่าเล่นพนันบอลมาตั้งแต่ ม.2 ถึง ม.6 จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังไปหาโต๊ะบอลเถื่อนเล่นอีก โดยเล่นมากสุดครั้งละ 8,000 บาท ก็เสียหมดตัว แต่ไม่คิดจะเลิกเล่นเพราะหวังเอาคืน
“วันๆไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งมองหน้าจอคอม เพราะมีให้แทงตั้งแต่เช้าจนดึก ทั้งบอลยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย ช่องทางเล่นง่าย ตำรวจในท้องที่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากได้เงินจากโต๊ะพนัน แม้จะมีตำรวจกองปราบปรามมาก็จะมีสายกระซิบบอกให้ปิดโต๊ะก่อน” ตัวแทนเยาวชนกล่าว
นายไข่ เปิดเผยกับศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา อีกว่าเด็กมหาวิทยาลัยเข้าถึงโต๊ะบอลได้ง่าย โดยให้สังเกตร้านสะดวกซื้อถ้าร้านไหนมีหนังสือพิมพ์กีฬาขายหมดเร็วแสดงว่าบริเวณนั้นมีโต๊ะบอลแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าโต๊ะพนันอยู่ไหนให้วินมอเตอร์ไซค์พาไปได้ทันที ซึ่งบริเวณมหาลัยของตนมีถึง 4 โต๊ะ
รศ. ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์ กล่าวว่ามี 3 ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจพนันบอลเติบโต 1.การหลอมรวมระหว่างสื่อกระแสหลักและสื่อใหม่ ทำให้เกิดนักพากษ์บอล ดีเจ สปอร์ตวิทยุโทรทัศน์ ที่มีรูปแบบนำเสนอที่หลากหลาย 2.กลยุทธ์การตลาด เช่น เว็บออกเงินให้ลองพนันก่อนแล้วจ่ายทีหลัง ชิงโชคผ่านเอสเอ็มเอส ทายผลฟุตบอลส่งผ่านไปรษณีของหนังสือพิมพ์ โดยมีของรางวัลดึงดูดใจ ทั้งบ้าน ที่ดิน เงินสด รถยนต์ 3.เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้รวดเร็ว ทั้งหมดนี้ทำให้มีเม็ดเงินในวงการพนันฟุตบอลหมุนเวียนกว่า 100,000,000 ล้านบาท ต่อหนึ่งฤดูกาล
“การรู้เท่าทันสื่อจำเป็นจนถึงระดับชุมชน สถาบันโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ต้องสร้างเครือข่ายภาคประชาชนให้เข้มแข็งและสื่อต้องเอาภาพ เสียงของผู้ที่บอบช้ำจากการพนันมาเป็นตัวอย่าง สร้างความตระหนักผลเสีย ทั้งหนี้สิน โดนรุมซ้อม ก่อนที่พนันบอลจะเป็นมะเร็งร้ายในสังคม” ดร.กุลทิพย์ กล่าว
ด้านนายศิริ สาระผล ผู้ประกาศข่าวกีฬาสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 กล่าวว่าจะโทษแต่สื่อเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสื่อก็เหมือนเหรียญสองด้าน การเสนอข่าวแบบวิเคราะห์ไม่ใช่ฟันธงว่าใครแพ้หรือชนะ เพียงแต่มีคำที่อาจสร้างอารมณ์ให้คนดูรู้สึกสนุกสนาน
“การพนันมันฝังไปในจิตใจคนไทยแล้ว ขนาดวันพืชมงคลยังมีการพนันว่าพระโคจะกินอะไร ผมยอมรับว่าสื่อมีส่วนทำให้เยาวชนสนใจพนันฟุตบอล แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ช่องทางที่ง่ายต่อการพนันก็เป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการเชิญสื่อกระแสหลัก ผู้ที่ได้สัมประทานเคเบิ้ลทีวี กสทช.มาหาจุดยืนร่วมกันรณรงค์ต้านการพนัน” ผู้ประกาศข่าวกีฬา ช่อง7 กล่าว
รศ.อรุณีประภา หอมเศรษฐี สภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าวว่าการพัฒนาบุคคลากรวิชาชีพสื่อและจรรยาบรณเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะไม่มีใครเขียนเรื่องการพนันให้ชัดเจนในกฏเกณฑ์ ข้อบังคับ การดำเนินรายการผู้บรรยาย ผู้พากษ์ต้องเข้าใจ คัดเลือกคำพูดไม่ใช้ศัพท์พนัน และต้องสอกแทรกข้อกฎหมายให้เยาวชนทราบถึงบทลงโทษและผลร้ายการเล่นพนันฟุตบอล
“สื่อมีหน้าที่ถ่ายทอด ดังนั้นคนถ่ายทอดต้องไม่เชิญชวน ไม่กระตุ้นเร้าอารมณ์ให้คนรู้สึกอยากพนัน หรือเป็นผู้เปิดโต๊ะพนันเสียเอง”
นายฐานิศร์ น้อยเพ็ง กรมการปกครอง กล่าวว่ากรณีส่งข้อความชิงโชค หากเป็นราคาปกติ 3 บาทไม่ถือเป็นการพนัน แต่หากมีการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างผู้จัดและผู้เล่น เช่น ส่งข้อความละ 9 บาท ถือว่าเป็นราคาผิดปกติมีการพลิกแพลงไปสู่การพนันแบ่งผลประโยชน์ ต้องตรวจสอบ อย่างไรก็ตามสื่อใหม่มีอิทธิพลส่งเสริมการพนัน ซึ่งปัจจุบันตรวจสอบยาก เพราะไม่มีสถานที่ ไม่มีบ่อน จึงต้องใช้เวลา ทั้งนี้กรมการปกครองได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือในการรณรงค์สู่ชุมชนให้ทราบถึงโทษการพนัน เนื่องจากการพนันมีอยู่ในทุกพื้นที่ไม่เว้นแม้แต่ชนบท
ที่ประชุมยังมีข้อเสนอ ได้แก่ 1.ในเชิงนโยบายให้รัฐกลับไปทบทวนว่าควรยกพนันฟุตบอลจากใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเก็บภาษีพนัน 2.กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนให้หนักขึ้น 3.ให้ความรู้เยาวชนเรื่องสื่อใหม่กับพนันฟุตบอลอย่างเท่าทัน และใช้สื่อหลักสร้างความเข้าใจ โดยความร่วมมือ เคเบิ้ล สื่อกระแสหลัก สภาวิชาชีพ ออกแบบสื่อให้มีศิลปะชักชวนให้เห็นถึงภาพเหยื่อ ตัวอย่าง ให้เกิดความเกรงกลัวต่อการเล่นพนัน.