ศาลปค.ขอนแก่น ยกฟ้องคดี ตั้งอธิการบดี มรภ.มหาสารคาม ต่ออายุ 65 ปี ไม่ผิด
ศาลปกครองขอนแก่นพิพากษายกฟ้องคดี ตั้ง ‘นิรุต ถึงนาค’ เป็นอธิการบดี มรภ.มหาสารคาม ต่ออายุ 65 ปี ชี้เป็นผู้บริหารได้ ไม่ขัดกม.ระเบียบข้าราชการพลเรือนฯ เหตุยื่นลาออกจากราชการก่อนมหาวิทยาลัยเสนอเรื่องถึงเลขาฯ สกอ. ถือเป็นบุคคลภายนอก ไม่เกี่ยวข้องกับอายุ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2561 ศาลปกครองขอนแก่น มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ บ.13/2560 คดีหมายเลขแดงที่ บ.113/2561 ผศ.สอน โฮมแพน อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม (ผู้ฟ้องคดี) ยื่นฟ้องนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และสภามหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม (ผู้ถูกฟ้องคดี 2) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีได้สมัครเข้ารับการสรรหาและเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนสมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อ 11 ก.พ. 2560 เห็นชอบให้เสนอชื่อ รศ.นิรุต ถึงนาค เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี แทนรศ.สมชาย วงศ์เกษม ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 ก.พ. 2560 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งที่ รศ.นิรุต มีอายุ 64 ปี แต่ได้รับการต่อเวลาราชการ เนื่องจากมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การสอนหรือวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547
ขณะที่ รศ.สมชาย วงศ์เกษม 1 ใน 3 ผู้ได้รับการเข้าสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ มีอายุ 65 ปี และพ้นจากราชการตามกฎหมายแล้ว ซึ่งตามมาตรา 19 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้กำหนดว่า บุคคลที่ได้รับการต่อเวลาราชการจะดำรงหรือปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประเภทผู้บริหารตามมาตรา 18 (ข) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 ไม่ได้
บุคคลทั้งสองจึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม แต่คณะกรรมการสรรหาฯ กลับออกคำสั่งทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมายให้บุคคลทั้งสองเข้ารับการสรรหาและเข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์
จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองหยุดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบราชการในการเสนอชื่อ รศ.นิรุต ถึงนาค เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี และมีหนังสือถึงอธิการบดีให้หยุดดำเนินการจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้ ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองยกเลิกประกาศคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี เรื่อง รายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม พ.ศ.2560 ลงวันที่ 19 ม.ค. 2560 ที่ประกาศให้รศ.นิรุต ถึงนาค และรศ.สมชาย วงศ์เกษม เป็นผู้สมควรได้รับการสรรหา
รวมถึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2560 เฉพาะวาระที่เสนอชื่อรศ.นิรุต ถึงนาค เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี และให้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสรรหาอธิการบดีดำเนินการสรรหาพิจารณาคัดเลือกใหม่
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้ง 2/2560 เมื่อวันที 11 ก.พ. 2560 ไว้ก่อนจนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยศาลได้พิพากษายกฟ้อง
เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รศ.นิรุต ขณะเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีมีอายุ 64 ปี เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตำแหน่ง รศ. สังกัดวิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ ที่ได้รับการต่ออายุราชการเพื่อประโยชน์แก่การสอนหรือวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 ซึ่งต้องห้ามตามวรรคสองมิให้ดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิการบดี
แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับใด ห้ามมิให้ รศ.นิรุต สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีหรือถูกเสนอชื่อจากหน่วยงานหรือบุคคลให้เป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี และแม้ขณะที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2560 เลือก รศ.นิรุต เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี
รศ.นิรุตจะต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งเป็นตำแหน่งประเภทผู้บริหาร ตามมาตรา 19 วรรสอง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 แต่ก่อนที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามจะมีหนังสือ ที่ศธ.0540.01/1443 ลงวันที่ 1 มี.ค. 2560 เสนอเรื่องต่อเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษานำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ นั้น รศ.นิรุตได้มีหนังสือลงวันที่ 23 ก.พ. 2560 ขอลาออกจากราชการ
รศ.นิรุต จึงมิได้มีสถานภาพเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาแล้ว และถือได้ว่าการที่มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามมีหนังสือ ที่ศธ.0540.01/1443 ลงวันที่ 1 มี.ค. 2560 เสนอเรื่องต่อเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษานำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดี จึงเป็นการเสนอบุคคลที่มิได้เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการต่อเวลาราชการ ดังนั้น รศ.นิรุต จึงมิได้ต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร
ส่วนการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจะต้องมีอายุไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์นั้น เห็นว่า ให้ถือเป็นการกำหนดตำแหน่งให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีที่มาจากบุคคลภายนอกเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาโดยผลของกฎหมาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอายุที่ต้องไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์หรือต้องพ้นจากราชการเมื่ออายุครบหกสิบปีบริบูรณ์แต่อย่างใด ดังนั้น มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย .