เปิดชัดๆ ระเบียบ ศธ.หลังสมาคมผู้ปกครองฯอนุบาลปัตตานีชงแก้-ปิดช่องสวมฮิญาบ
ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง กรณีโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยความเห็นชอบของผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามได้ หลังจากผู้ปกครองนักเรียนกลุ่มหนึ่งเรียกร้อง สร้างความไม่พอใจกับพี่น้องชาวพุทธและพระสงฆ์ เพราะมองว่าเป็นการไม่เคารพระเบียบดั้งเดิมของโรงเรียน ทั้งๆ ที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พ.ค.61 เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการโรงเรียน เนื้อหาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้นักเรียนมุสลิมกลุ่มหนึ่งแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม โดยระบุว่าเป็นการใส่เครื่องแบบนักเรียนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของโรงเรียนที่ตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้กว่า 50 ปี แม้จะมีการอ้างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ข้อ 12 ที่กำหนดเกี่ยวกับการใช้เครื่องแบบตามหลักศาสนาอิสลามในโรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนสอนศาสนาก็ตาม แต่ในระเบียบฉบับเดียวกันข้อ 13 ก็ระบุให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา มีอำนาจกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายนักเรียน วิธีการและเงื่อนไขในการแต่งเครื่องแบบนักเรียนด้วย
ประเด็นนี้เอง ทางเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนอนุบาลปัตตานีเห็นว่า คณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนฯ ได้ประชุมและมีมติในเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.61 (หลังเปิดภาคการศึกษาใหม่แล้วมีนักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนามาโรงเรียน คือ สวมฮิญาบ) โดยเป็นมติเอกฉันท์ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ระเบียบว่าด้วยเรื่องการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี และให้ใช้เครื่องแบบนักเรียนตามกฎระเบียบของโรงเรียนที่กำหนดไว้ต่อไป เนื่องจากพื้นที่ตั้งของโรงเรียนเป็นที่ธรณีสงฆ์ และพื้นที่ยืมมาจากวัดนพวงศาราม อ.เมืองปัตตานี โดยในหนังสือสัญญาการขอยืมที่ดิน ระบุว่าให้อำนาจในการปกครองสอดส่องดูแลโรงเรียน เป็นของเจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม
เรียกร้อง 4 ข้อ-ยึดระเบียบโรงเรียนเป็นหลัก
ส่วนการอนุญาตให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนาได้นั้น เป็นเพียงการสั่งการด้วยวาจาจากกระทรวงศึกษามายังผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและทางโรงเรียนก็ไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบที่วางไว้ ฉะนั้นที่ประชุมเครือข่ายผู้ปกครองฯ จึงมีมติให้
1.ขอให้กระทรวงศึกษาธิการแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ข้อ 12 โดยให้โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ ต้องปฏิบัติตามมติของมหาเถรสมาคมที่ 2/2554 เท่านั้น
2.ให้ทางโรงเรียนตรวจสอบสถานะของนักเรียนเข้าใหม่ทุกคน ว่ามีสถานะถูกต้องในการเป็นนักเรียนของโรงเรียนอนุบาลปัตตานีหรือไม่ เพราะมีนักเรียนบางกลุ่มแต่งกายผิดระเบียบ และไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนมาก่อน
3.ให้ทางโรงเรียนดำเนินการให้นักเรียนที่แต่งกายผิดระเบียบ ดำเนินการให้แต่งกายถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 31 พ.ค.61 เป็นต้นไป
4.ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนประชุมผู้ปกครอง ชี้แจง และขอโทษผู้ปกครองในการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและกฎระเบียบของโรงเรียน เนื่องจากคณะกรรมการสถานศึกษาได้มีมติเป็นเอกฉันท์ไปแล้ว ไม่เห็นด้วยกับการแก้ระเบียบว่าด้วยเรื่องการแต่งกายของนักเรียน
ท้ายหนังสือ เครือข่ายผู้ปกครองฯ ยังเรียกร้องให้ทางโรงเรียนดำเนินการทุกเรื่องให้ถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นทางเครือข่ายผู้ปกครองฯจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดต่อไป ตลอดจนรวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ชงแก้ระเบียบ ศธ.ปิดช่องสวมฮิญาบ!
ก่อนหน้านั้น สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ทำหนังสือถึงศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี ขอให้แก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ข้อ 12 โดยให้ยกเว้นการอนุญาตให้แต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามกับสถานศึกษาที่ยืมใช้พื้นที่ธรณีสงฆ์และมีข้อตกลงหรือข้อสัญญาระหว่างวัดกับสถานศึกษา
เหตุผลของการเสนอแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯ ก็คือ โรงเรียนอนุบาลปัตตานีเป็นโรงเรียนในโครงการวิถีพุทธ และตามเจตนารมณ์เดิมในสัญญายืมที่ธรณีสงฆ์ ซึ่ง พระไพจิตรสาราณียการ อดีตเจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม ทำไว้กับ นายผัด ณ มาตร อดีตศึกษาธิการจังหวัดปัตตานีนั้น ก็มีความประสงค์ให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานีดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์เฉพาะของโรงเรียน โดยกำหนดให้ผู้เรียนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมเรียนรู้ร่วมกันตามสังคมวัฒนธรรม ส่วนเรื่องการแต่งกายต้องปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน โดยผู้ปกครองของนักเรียนทุกคนจะต้องทำสัญญา (เอ็มโอยู) กับผู้บริหารสาถนศึกษาก่อนเข้าเรียนทุกคนด้วย
นักเรียนมุสลิมยังสวมฮิญาบ
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พ.ค.61 "ศูนย์ข่าวอิศรา"ได้ส่งทีมข่าวฯไปสังเกตการณ์ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลปัตตานี พบว่านักเรียนมุสลิมบางคนยังคงสวมฮิญาบไปโรงเรียน แสดงว่าทางโรงเรียนยังไม่ได้ทบทวนการอนุญาตให้แต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามได้ ตามข้อเรียกร้องของพระสงฆ์และสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งได้รวมตัวกันที่วัดนพวงศาราม อ.เมืองปัตตานี เมื่อวันพุธที่ 23 พ.ค.61 ให้ทางโรงเรียนทบทวนเรื่องนี้ภายในวันศุกร์ที่ 25 พ.ค. มิฉะนั้นจะมีการชุมนุมใหญ่
อย่างไรก็ดี การชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น เพราะในวันที่ 24 พ.ค.61 นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้เข้าประชุมเพื่อหาทางออก โดยได้นิมนต์ พระสิริจริยาลังการ เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี และ พระครูสังฆรักษ์ ณัฐวุฒิ เจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม เข้าร่วมหารือด้วย แม้วงประชุมในวันนั้นจะยังไม่มีมติใดๆ ออกมา แต่ก็มีข่าวว่าทางเจ้าคณะจังหวัดปัตตานีขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ โดยทางเจ้าคณะฯจะใช้การหารือกับฝ่ายต่างๆ ในทางลับ เพื่อยุติปัญหาด้วยตนเอง
เปิดชัดๆ ระเบียบ ศธ.อนุญาตแต่งกายตามหลักศาสนา
จากความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าทั้งเครือข่ายผู้ปกครองฯ และสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลปัตตานี มีการอ้างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนฯ และมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 2/2554 เพื่อยืนยันจุดยืนและเรียกร้องให้ผู้บริหารโรงเรียนทบทวนการแต่งกายของนักเรียนมุสลิมที่เป็นไปตามหลักศาสนา แต่ไม่ตรงกับกฎระเบียบของโรงเรียน (นักเรียนหญิงสวมฮิญาบได้ นักเรียนชายสวมกางเกงขายาวได้) เพราะทำให้การแต่งกายของนักเรียนแตกต่างกัน ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม
ทั้งยังยืนยันว่า มติของคณะกรรมการสถานศึกษาสามารถลบล้างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนฯ ข้อ 12 ที่เปิดช่องให้นักเรียนมุสลิมสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ในโรงเรียนที่ไม่ใช่โรงเรียนสอนศาสนาด้วย
"ทีมข่าวอิศรา" ตรวจสอบระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ซึ่งประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.51 พบว่าระเบียบฉบับนี้มีทั้งหมด 20 ข้อ โดยได้กำหนดลักษณะของเครื่องแบบนักเรียนในทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา รวม 7 ลักษณะ ได้แก่
1.เครื่องแบบนักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา
2.เครื่องแบบนักเรียนระดับประถมศึกษา
3.เครื่องแบบนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
4.เครื่องแบบนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทสามัญศึกษา
5.เครื่องแบบนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีพ และระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา
6.เครื่องแบบนักเรียนสำหรับสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
7.เครื่องแบบนักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
สำหรับระเบียบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี อยู่ในลักษณะที่ 7 คือ "เครื่องแบบนักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม" โดยได้กำหนดรายละเอียดเรื่องนี้ไว้ในข้อ 12 ทั้งการแต่งกายของนักเรียนชาย และนักเรียนหญิง โดยนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาวได้ แต่ต้องใช้ผ้าสีเดียวกับสีผ้าของกางเกงนักเรียนทั่วไปที่ใช้ในสถานศึกษานั้น ขณะที่นักเรียนหญิงก็ให้สวมผ้าคลุมศีรษะ หรือ "ฮิญาบ" ได้ โดยใช้ผ้าสีขาวเกลี้ยง ไม่มีลวดลาย หรือใช้ผ้าสีเดียวกับสีผ้าของกระโปรง ทั้งยังกำหนดขนาดผ้าฮิญาบเอาไว้ด้วยว่าต้องเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ยาวด้านละ 100-120 เซนติเมตร
ในระเบียบฉบับนี้ ข้อ 12 วรรคท้าย ยังระบุว่า "นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่งหรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดได้ตามความสมัครใจ"
ข้อความนี้ตีความได้ว่า นักเรียนมุสลิมในโรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สามารถเลือกได้ตามความสมัครใจว่าจะแต่งกายตามแบบที่สถานศึกษากำหนด หรือจะแต่งกายตามหลักศาสนา โดยยึดตามระเบียบนี้ ซึ่งกรณีของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ก็น่าจะเข้าข่ายด้วยเช่นกัน
มติ กก.สถานศึกษาลบล้างระเบียบ ศธ.ได้?
แต่ระเบียบฉบับเดียวกันยังมีข้อ 13 ที่ระบุว่า ให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของ "คณะกรรมการสถานศึกษา" เป็นผู้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการแต่ง วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งเครื่องแบบนักเรียน ทั้งชนิดและแบบของเครื่องแบบ รวมทั้งจัดทำรูปเครื่องแบบตามระเบียบนี้ไว้เป็นตัวอย่าง ตลอดจนเครื่องหมายของสถานศึกษาด้วย
ระเบียบข้อ 13 นี้ เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลปัตตานี มองว่า มติของคณะกรรมการสถานศึกษามีสิทธิ์กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องแบบนักเรียนอย่างไรก็ได้ โดยมตินี้สามารถยกเว้นระเบียบข้อ 12 ที่ให้สิทธิ์นักเรียนมุสลิมเลือกแต่งกายได้ตามความสมัครใจด้วย ว่าจะแต่งตามระเบียบของโรงเรียน หรือแต่งตามหลักศาสนาอิสลามตามรูปแบบที่กำหนดรายละเอียดไว้ในระเบียบข้อ 12
แก้ระเบียบ ศธ.งดบังคับกับโรงเรียนในที่ธรณีสงฆ์
อย่างไรก็ดี จากระเบียบข้อเดียวกันนี้ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลปัตตานีเห็นไปอีกทางหนึ่ง คือมองว่าระเบียบข้อ 12 อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมที่เรียนในสถานศึกษาอื่นๆ นอกเหนือจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สามารถเลือกแต่งกายตามหลักศาสนาได้ตามความสมัครใจ โดยไม่ต้องยึดระเบียบของโรงเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาก็ไม่มีอำนาจบังคับ เหตุนี้เองสมาคมผู้ปกครองและครูฯ จึงเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการแก้ไขระเบียบข้อ 12 นี้เสีย โดยให้ยกเว้นการบังคับกับสถานศึกษาที่ขอยืมใช้ที่ธรณีสงฆ์ และมีข้อตกลงหรือข้อสัญญาระหว่างวัดกับสถานศึกษา
พูดง่ายๆ ก็คือ ให้แก้ระเบียบข้อ 12 ยกเว้นการให้สิทธิ์แก่นักเรียนมุสลิมได้เลือกแต่งกายตามความสมัครใจ หากเรียนอยู่ในโรงเรียนที่สร้างบนที่ธรณีสงฆ์ แบบเดียวกับโรงเรียนอนุบาลปัตตานีนั่นเอง
มติมหาเถรฯ วางหลักโรงเรียนในที่ธรณีสงฆ์
ส่วนมติมหาเถรสมาคมที่ 2/2554 ที่มีการอ้างถึงเช่นกันนั้น เป็นการวางหลักการของมหาเถรสมาคม (มส.) เกี่ยวกับโรงเรียนหรือหน่วยราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วัด หรือที่ธรณีสงฆ์ ไม่ว่าจะด้วยการเช่า หรือยืมใช้ที่ก็ตาม โดยมติมหาเถรสมาคมวางหลักไว้ 4 ประการ คือ
1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทย และวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด
2.ให้คณะสงฆ์มีส่วนร่วมในการพิจารณาการแต่งตั้งผู้บริหารของโรงเรียนหรือหน่วยราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์
3.ควรให้พระสงฆ์เข้าไปมีบทบาทในการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา หลักคุณธรรมจริยธรรมทุกระดับชั้น
และ 4.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดขอใช้พื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ จักต้องหารือและได้รับความยินยอมจากเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ผู้ปกครองทุกระดับ จนถึงเจ้าคณะจังหวัดก่อน
หลักการทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นหลักการกว้างๆ โดยข้อ 1 ที่พูดถึง "การใช้พื้นที่ของวัด" ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทย และวิถีพุทธ ฉะนั้นหากจะนำมาพิจารณากับกรณีของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยเฉพาะเรื่องเครื่องแบบนักเรียน ก็ต้องมีการตีความกันว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องอย่างไร
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551
2-3 แถลงการณ์ของเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี
4-5 หนังสือของสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนอนุบาลปัตตานี
6 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนฯ ข้อ 12 วรรคท้าย และข้อ 13
อ่านประกอบ :
เหตุเกิดที่อนุบาลปัตตานี นักเรียนที่นี่ห้ามสวมฮิญาบ?
ปมฮิญาบบานปลาย! "บาบอแม" ลาออกพ้น กก.สถานศึกษาอนุบาลปัตตานี
พหุวัฒนธรรมมีจริงไหม? "อังคณา"จี้ทุกฝ่ายหันหน้าพูดคุยแก้ปม"ฮิญาบ"
ต้องจบก่อนวันจันทร์! ผู้แทนพิเศษฯสั่งเลขาฯสพฐ.แก้ปมฮิญาบ
ศธ.ไฟเขียวนักเรียนมุสลิมอนุบาลปัตตานีแต่งกายตามหลักศาสนา
"เป็นระเบียบ-เท่าเทียม" เหตุผลคนค้านอนุบาลปัตตานีเปลี่ยนเครื่องแบบ นร.มุสลิม
"พระ-ชาวบ้าน"ขีดเส้นศุกร์นี้ นร.อนุบาลปัตตานีต้องแต่งเครื่องแบบตามกฎโรงเรียน
เปิดเอกสาร "เจ้าคณะปัตตานี" ชี้แจงปมฮิญาบโรงเรียนอนุบาลฯ
ปมฮิญาบ "อนุบาลปัตตานี" ยังไม่จบ แม้ผู้ว่าฯนำถกหาทางออก
ตร.เร่งหาตัวเจ้าของเพจขู่ทำร้ายพระ - พบมุสลิมก็ร่วมบริจาคที่ดินอนุบาลปัตตานี