ตร.เร่งหาตัวเจ้าของเพจขู่ทำร้ายพระ - พบมุสลิมก็ร่วมบริจาคที่ดินอนุบาลปัตตานี
ตำรวจประสานกระทรวงดีอี และศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เร่งตรวจสอบ 2 เพจเฟซบุ๊คโพสต์ภาพ "พระครู" พร้อมข้อความขู่ฆ่า หลังภิกษุซึ่งเป็นเครือข่ายสมาพันธ์ไทยพุทธชายแดนใต้ ไปร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เพื่อให้เด็กนักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนาได้
ร.ต.ท.พงศกร ศรีชัย ร้อยเวร สภ.ธารโต จ.ยะลา กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ได้รับแจ้งความจาก พระครูสมุหพิสิทธิ์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดศรีนคร กล่าวโทษเจ้าของเพจเฟซบุ๊ค 2 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากเพจเฟซบุ๊คได้เผยแพร่ภาพพระครู พร้อมข้อความแสดงความอาฆาตมาดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตและเผาวัด เนื่องจากไม่พอใจที่พระครูไปร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ระเบียบเครื่องแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เพื่อผ่อนคลายให้นักเรียนมุสลิมสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาได้ กล่าวคือนักเรียนหญิงสวมฮิญาบหรือผ้าคลุมผม ส่วนนักเรียนชายสามารถสวมกางเกงขายาวได้
เพจเฟซบุ๊ค 2 เพจนี้ยังกล่าวหาพระครูสมุหพิสิทธิ์ อนาลโย ทำนองว่าเป็นพระหัวรุนแรง และมีพฤติกรรมปลุกปั่น ปลุกระดม
ร.ต.ท.พงศกร บอกด้วยว่า หลังรับแจ้งความจากพระครู ก็ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น พร้อมทำหนังสือไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กระทรวงดีอี และศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้เร่งตรวจสอบเพจเฟซบุุ๊คทั้ง 2 เพจ ว่าเป็นเพจของใคร และเกี่ยวพันกับบุคคลใดบ้าง ขณะเดียวกันในส่วนของตำรวจ สภ.ธารโต ก็จะเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และออกสืบสวนหาข่าวเพื่อหาตัวเจ้าของเพจเฟซบุ๊คทั้ง 2 รายนี้ด้วย
สำหรับ พระครูสมุหพิสิทธิ์ อนาลโย เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีนคร วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ใน ต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา โดยเมื่อวันพุธที่ 23 พ.ค.61 พระครูในฐานะที่ร่วมเป็นเครือข่ายสมาพันธ์ไทยพุทธชายแดนใต้ และสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดยะลา ได้ไปร่วมประชุมกับพระและชาวไทยพุทธหลายร้อยคนที่วัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านคำสั่งของกระทรวงศึกษาธิการที่ให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานี อนุญาตให้เด็กนักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ซึ่งถือว่าขัดกับระเบียบของโรงเรียนที่ใช้มานานถึง 50 ปี
คำสั่งของกระทรวงศึกษาธิการเกิดขึ้นเพราะมีผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี จำนวน 4-5 ครอบครัว เรียกร้องให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี อนุญาตให้บุตรหลานของตนแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ตั้งแต่วันเปิดภาคการศึกษาใหม่ 16 พ.ค.เป็นต้นไป แต่ทางโรงเรียนไม่อนุญาต และยังเกิดบรรยากาศตึงเครียด ครูของโรงเรียนกว่า 20 คนพร้อมใจกันหยุดสอน ทำให้เหตุการณ์บานปลาย มีการวิจารณ์วิจารณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง และเริ่มมีกระแสปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้โรงเรียน
สถานการณ์เปราะบางดังกล่าวทำให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งการให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯลงพื้นที่เป็นการด่วน เพื่อยุติปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยให้คำนึงถึงการเรียนของเด็กเป็นที่ตั้ง ซึ่งผลการหารือเพื่อแก้ไขปัญหา ทางกระทรวงฯได้อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมของโรงเรียนอนุบาลปัตตานีสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ทำให้ผู้ปกครองนักเรียนดีใจ แต่ก็เจอกระแสต้านของฝั่งชาวพุทธและพระ
สาเหตุที่มีพระเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่่องนี้ เพราะโรงเรียนอนุบาลปัตตานีตั้งอยู่บน "ที่ธรณีสงฆ์" ของวัดนพวงศาราม จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า "โรงเรียนวัดนพวงศาราม" มีการทำสัญญายืมที่ดินจากทางวัดอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2510 และในสัญญาเขียนไว้ชัดเจน ให้อำนาจเจ้าอาวาสวัดรับผิดชอบดูแลความเป็นไปต่างๆ ของทางโรงเรียน ซึ่งรวมถึงเรื่องระเบียบการแต่งกายของนักเรียนด้วย ซึ่งตลอดมาโรงเรียนอนุบาลปัตตานีไม่อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนา แต่ให้แต่งกายด้วยเครื่องแบบของโรงเรียนโดยไม่แบ่งแยกศาสนา เพื่อความเท่าเทียมกันของนักเรียนทุกคน
ฉะนั้นหากจะมีการแก้ระเบียบ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากทางวัดก่อน แต่กระทรวงศึกษาฯกลับตัดสินใจโดยพลการ ทำให้ทางวัดและชาวพุทธในพื้นที่ไม่พอใจ กระทั่งเกิดการรวมตัวกันเมื่อวันพุธที่ 23 พ.ค. โดย พระครูสมุหพิสิทธิ์ อนาลโย ก็ไปร่วมการประชุมด้วย และจับไมค์พูดกับญาติโยมหลายตอน
ผลการประชุมในวันนั้น คือยื่นคำขาดให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนคำสั่ง และให้ยึดตามระเบียบเดิมของโรงเรียน โดยต้องแก้ไขปัญหาให้จบในวันศุกร์ที่ 25 พ.ค. มิฉะนั้นวันจันทร์ที่ 28 พ.ค. จะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อแสดงพลังกดดันอีกรอบหนึ่ง
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้พยายามเปิดวงพูดคุยเพื่อยุติปัญหานี้ แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ แม้จะการนิมนต์เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี รวมทั้งเจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม มาร่วมหารือด้วยก็ตาม ส่งผลให้ปัญหานี้คาราคาซัง และมีการสร้างกระแสโจมตี จนนำมาสู่การโพสต์ข้อความขู่ใช้ความรุนแรงกับพระและวัดในที่สุด
อีกด้านหนึ่ง ได้มีความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์เช่นกัน เปิดข้อมูลว่า โรงเรียนอนุบาลปัตตานีเคยได้รับบริจาคที่ดินจากคนมุสลิมจำนวน 160 ตารางวาในปี 2519 ฉะนั้นโรงเรียนแห่งนี้จึงไม่ได้มีเฉพาะ "ที่ธรณีสงฆ์" เท่านั้น
"ทีมข่าวอิศรา" สืบค้นข้อมูลพบว่า ข้อมูลนี้ถูกบันทึกไว้ในเว็บไซต์ของโรงเรียนอนุบาลปัตตานีเอง ในส่วนของ "ประวัติโรงเรียน" ซึ่งเล่ามาตั้งแต่ปี 2510 ที่ได้รับงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเงิน 400,000 บาท เพื่อก่อสร้างโรงเรียน กระทั่งถึงปี 2519 ระบุว่า "ปีการศึกษา 2519 ได้รับงบประมาณ 120,000 บาท (เงินหนึ่งแสนสองหมื่นบาทถ้วน) ซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 1/2 ไร่ และได้รับบริจาคจาก นายนิอุมา ระเด่นอาหมัด 160 ตารางวา รวมทั้งสิ้น 360 ตารางวา" (อ่านประกอบ ประวัติโรงเรียนอนุบาลปัตตานี)
------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พระครูสมุหพิสิทธิ์ อนาลโย ขณะเข้าแจ้งความที่ สภ.ธารโต (ขอบคุณ : ภาพที่แชร์กันในสื่อสังคมออนไลน์)
2 เพจเฟซบุ๊คที่แชร์ข้อมูลโรงเรียนอนุบาลปัตตานีเคยได้รับบริจาคที่ดินจากคนมุสลิม
อ่านประกอบ :
เหตุเกิดที่อนุบาลปัตตานี นักเรียนที่นี่ห้ามสวมฮิญาบ?
ปมฮิญาบบานปลาย! "บาบอแม" ลาออกพ้น กก.สถานศึกษาอนุบาลปัตตานี
พหุวัฒนธรรมมีจริงไหม? "อังคณา"จี้ทุกฝ่ายหันหน้าพูดคุยแก้ปม"ฮิญาบ"
ต้องจบก่อนวันจันทร์! ผู้แทนพิเศษฯสั่งเลขาฯสพฐ.แก้ปมฮิญาบ
ศธ.ไฟเขียวนักเรียนมุสลิมอนุบาลปัตตานีแต่งกายตามหลักศาสนา
"เป็นระเบียบ-เท่าเทียม" เหตุผลคนค้านอนุบาลปัตตานีเปลี่ยนเครื่องแบบ นร.มุสลิม
"พระ-ชาวบ้าน"ขีดเส้นศุกร์นี้ นร.อนุบาลปัตตานีต้องแต่งเครื่องแบบตามกฎโรงเรียน