นิติบุคคลหมู่บ้านหรู เปิดศึกฟ้องเอกชน-เมียนักธุรกิจดัง! ปมโอนขายที่ดินส่วนกลางมิชอบ
นิติบุคคลหมู่บ้านหรู จ.สมุทรปราการ ลุยฟ้องเอกชน-ภรรยานักธุรกิจชื่อดัง เรียกคืนที่ดินส่วนกลางหมู่บ้าน ทั้งสระว่ายน้ำ สวนหย่อม อาคาร หลังโอนขายโดยมิชอบ ทั้งที่ตอนโฆษณาบอกว่าเป็นของหมู่บ้าน เปิดให้คนซื้อใช้ได้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมา ได้เกิดข้อพิพาทระหว่างนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า เป็นโจทก์ กับบริษัทเอกชนที่จัดทำหมู่บ้านจัดสรรชื่อดัง และนักธุรกิจรายหนึ่ง รวม 4 ราย เป็นจำเลย เกี่ยวข้องกันกับการโอนที่ดินส่วนกลางหมู่บ้าน เบื้องต้นดำเนินการฟ้องศาลแพ่ง และศาลแพ่งรับเป็นเลขคดีไปแล้ว
ตามคำฟ้องระบุว่า เอกชนจำนวน 3 ราย (จำเลยที่ 1-3) เป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินขายให้แก่ประชาชนทั่วไป และผู้ซื้อที่ดินจัดสรรในโครงการหมู่บ้านไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า โครงการที่ 1 และ 2 โดยผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวถือเป็นสมาชิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรของโจทก์
ทั้งนี้ ช่วงปี 2546 เอกชนจำนวน 3 ราย ได้ร่วมกันซื้อที่ดินบริเวณ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่กว่า 269 ไร่ เพื่อนำออกจัดสรรขายที่ดินแก่บุคคลทั่วไปตามกฎหมายจัดสรรที่ดิน อย่างไรก็ดีเอกชนทั้ง 3 ราย ได้จัดสรรที่ดินที่เป็นสาระสำคัญหัวใจหลักของการจัดสรรที่ดินอันเป็นที่ดินสาธารณูปโภค และที่ดินที่ใช้เพื่อบริการสาธารณะ ที่จะต้องตกเป็นทรัพย์สินส่วนกลางตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ไว้กับเอกชนที่ตกเป็นจำเลยที่ 1 รวม 4 โฉนด แบ่งเป็น พื้นที่ทะเลสาบกลางหมู่บ้าน สระว่ายน้ำ สวนหย่อม อาคารสำนักงานของที่ทำงานนิติบุคคลหมู่บ้าน และทางเข้าหมู่บ้านด้านทิศเหนือ ที่ติดกับ ถ.สุขาภิบาล 2 และพื้นที่โรงเรียน
หลังจากนั้นนำที่ดินแปลงที่จะจัดสรรขายใส่ชื่อเอกชนที่ตกเป็นจำเลยที่ 2 84 แปลง และเอกชนจำเลยที่ 3 69 แปลง และปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ ก่อนจะเสนอขายที่ดินแก่บุคคลทั่วไป โดยเป็นโครงการหมู่บ้านใช้ชื่อว่า ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า โครงการที่ 1 และ 2 ก่อนจะโฆษณาว่า ทรัพย์สินส่วนกลางดังกล่าว เป็นที่ดินที่ถูกจัดสรรอยู่ในโครงการจัดสรรที่ดินของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจได้ว่า ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินส่วนกลางดังกล่าวด้วย
หลังจากนั้นเอกชนจึงขออนุญาตจากคณะกรรมการที่ดิน จ.สมุทรปราการ นำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรร โดยจดทะเบียนภาระจำยอมให้ที่ดินทุกแปลงทุกโฉนดที่แบ่งแยกออกไปเพื่อขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นสามยทรัพย์ สามารถใช้สอยทรัพย์สินส่วนกลางดังกล่าวได้
ต่อมาเอกชนที่ตกเป็นจำเลยดังกล่าว ได้ขายโฉนดที่ดินทั้ง 4 โฉนดที่จัดสรรดังกล่าว โดยเฉพาะโฉนดบริเวณสโมสร สระว่ายน้ำ สวนหย่อม และอาคารสำนักงานซึ่งจะต้องส่งมอบเป็นที่ตั้งของที่ทำการนิติบุคคลหมู่บ้าน โดยได้แยกโฉนดที่ดินส่วนนี้อีก 2 โฉนด โดยปลอดภาระจำยอม ซึ่งโจทก์มิได้รู้เห็นหรือตกลงด้วย และได้ขายโอนให้กับจำเลยที่ 4 โดยปลอดภาระจำยอม ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 อย่างแจ้งชัด แต่เจ้าพนักงานที่ดินก็อนุญาตให้เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ ไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนกลาง
ทั้งนี้โจทก์ได้ติดตามให้เอกชนที่เป็นจำเลยที่ 1-3 โอนทรัพย์สินส่วนกลางคืนมาทั้งหมด เพราะที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินจัดสรร แต่เป็นทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้าน ทั้งนี้การที่บุคคลที่ซื้อที่ดินดังกล่าวคือจำเลยที่ 4 รับซื้อโดยไม่สุจริต และรู้อยู่แล้วว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ใกล้สระว่ายน้ำ สโมสร บริเวณอาคารที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล และส่วนหย่อม ไม่ใช่ที่ดินแปลงจัดสรร ถือเป็นการต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ด้วย
นอกจากนี้เมื่อจำเลยที่ 4 ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้ว ได้ทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ลงเสาเข็มขนาดใหญ่จำนวนกว่าร้อยต้นลงบนที่ดิน เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมที่ดินลดไป หรือเสื่อมความสะดวก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนการโอนที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายคืนแก่นิติบุคคลหมู่บ้านต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำเลยที่ 1-3 คือเอกชนที่จัดทำหมู่บ้านจัดสรรชื่อดัง ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นภรรยานักธุรกิจชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยด้วย