ภาคประชาสังคมเสนอ ‘ประยุทธ์’ ประกาศสงครามลดอุบัติเหตุ หลัง 10 ปี แก้ปัญหาไม่ถึงรากเหง้า
ภาคประชาสังคมหนุนรัฐบาลประกาศสงครามลดอุบัติเหตุ พร้อมตั้ง ‘สถาบันความปลอดภัยทางถนน’ หลังพบ 10 ปีที่ผ่านมา แก้ปัญหาไม่ถึงรากเหง้า ขาดตัวกลางเชื่อมประสานระหว่างเครือข่าย
วันที่ 9 พ.ค. 2561 โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งด้านความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย พ.ศ. 2561-2564 จัดเวที Big Talk#2 สถาบันเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ประเทศไทยต้องมี เพื่อหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันวิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ณ ห้องประชุม ฟอร์จูน 1 โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียว กรุงเทพฯ ฟอร์จูน
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บ เปิดเผยถึงสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนของไทย โดยหยิบยกอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 พบว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึง 462 คน ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซต์ ร้อยละ 80 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเกือบเทียบเท่าช่วงปีใหม่ ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 463 คน
ทั้งนี้ ขณะที่ประเทศไทยมีการระดมสรรพกำลังมากมายเพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน สถานการณ์ในทุกพื้นที่ยังวิกฤต เราทุกคนมีความเสี่ยงทุกวินาที แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ประเทศไทยขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตทางถนนมากที่สุดในโลก เพราะ 10 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้แก้ไขปัญหาให้ถึงรากเหง้า ซึ่งไทยมีจุดอ่อนในเรื่องการจัดการและการจัดการพฤติกรรมเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาฯ กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลกชื่นชมประเทศไทยมีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนจำนวนมาก แต่ปัญหากลับอยู่ที่การขาดตัวกลางในการเชื่อมประสานการทำงานให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและถูกทิศทาง นั่นคือ ไม่มี lead agency ที่แท้จริง เหมือนประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าที่กำหนดทิศทาง แผนงาน จัดลำดับความสำคัญ และดำเนินการอย่างเป็นระบบ
“น่าเสียดายที่รัฐบาลยังมองไม่เห็นว่า ความสูญเสียบนท้องถนนเป็นเรื่องใหญ่ และน่าเสียดายที่รัฐบาลยังคิดว่า ประเทศไทยมีศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เป็น lead agency อยู่แล้ว ทั้งที่ความจริงประเทศไทยยังไม่มี”นพ.วิทยา กล่าว
ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช อดีตกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปความปลอดภัยทางถนน กล่าวถึงอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่หมดไป เพราะผู้บริหารประเทศยังไม่เห็นปัญหา ซึ่งสาเหตุเพราะประชาชนยังไม่สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหานั่นเอง ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากประชาชนยังไม่สนใจ มองเห็นเรื่องปัญหาปากท้อง ปัญหารถติด สำคัญกว่า ทำให้รัฐบาลต้องขับเคลื่อนเรื่องนั้นก่อน
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสถาบันที่ดูเเลความปลอดภัยทางถนนมากเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันคิดว่า ทำอย่างไรให้สถาบันที่มีอยู่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยนำเรียนนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยและสั่งการลงมา แต่สุดท้ายเรื่องเงียบสนิท เช่นเดียวกับเรื่องติดกล้องหน้ารถ เคยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้สนับสนุนเรื่องดังกล่าว ซึ่งลงนามในหนังสือด้วยตนเอง ให้เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพราะเชื่อว่าช่วยลดอุบัติเหตุได้ แต่เมื่อสั่งการลงมาปรากฎว่า 2 ปีแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการหรือตามเรื่อง ฉะนั้นจะลดอุบัติเหตุได้จริง รัฐบาลต้องประกาศสงคราม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2561 ศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและโรงพยาบาลขอนแก่น ยังได้ทำจดหมายเปิดผนึกยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาหารือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน ได้พิจารณาเร่งรัดการจัดตั้งสถาบันวิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ให้แยกเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งหรืออาจยกระดับศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม ขึ้น เพื่อทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกร่วมกับภาคีวิชาการ เพื่อทราบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง