สำนักงานอัยการภาค 7 แถลงผลการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก
อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ได้ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูตร กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ในวันนี้ (30 เมษายน 2561) แล้ว
วันที่ 30 เมษายน 2561 สำนักงานอัยการภาค 7 สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก
ตามที่ นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ว่าได้พิจารณาสำนวนคดีแล้วมีคำสั่ง ดังนี้
สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่1 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
สั่งฟ้อง นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ,ร่วมกันเก็บหา ของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
สั่งฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้ รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ
และสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 นายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และกันร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร
สั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ
สั่งไม่ฟ้องนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ
สั่งไม่ฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์ป่าโดยไม่ดีรับอนุญาตฯ
อธิบดีอัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณากรณี สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางคน บางข้อหา
ต่อมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ถึง ที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์ป่าฯ ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ถึงที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ฯ และผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์ป่าฯ และร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ และได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นแย้ง ไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561
บัดนี้ อัยการสูงสุด ได้ชี้ขาดความเห็นแย้งดังกล่าวแล้ว โดยมีคำสั่งเห็นพ้องกับคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ดังนี้
1. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ต่อมา เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อ อธิบดีอัยการภาค 7 ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานที่อยู่ของนายเปรมชัยฯ ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วย และขอให้สอบสวนเจ้าหน้าที่เขตรักษาสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก 3 คน รวมทั้งให้สอบสวนบุคคลภายนอกและนายวิเชียร ชิณวงษ์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารที่นายเปรมชัยฯ ส่งมาประกอบ คำร้องขอความเป็นธรรมรวมทั้งการขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมนั้น คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานที่อ้างถึงมิใช่พยานที่เกี่ยวข้องในคดี เป็นเพียงผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนพยานที่เกี่ยวข้องตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรมนั้นได้มีการสอบสวนพยานดังกล่าวไว้แล้ว คำร้องขอความเป็นธรรมของนายเปรมชัยฯ จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ทั้งข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความครบถ้วนแล้ว จึงไม่จำต้องสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรม
ทั้งนี้ อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ได้ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูตร กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ในวันนี้ (30 เมษายน 2561) แล้ว
จึงแถลงมาเพื่อทราบ
สำนักงานอัยการภาค 7
30 เมษายน 2561