2 เกาหลีจับมือชื่นมื่นจริงหรือ? ฟัง ดร.ดํารงค์ ฐานดี วิเคราะห์ มีอะไรใหม่บ้าง
"เราอาจคิดอีกมุมเกาหลีทั้งเหนือและใต้ชอบสร้างข่าว ต้องการให้ทั่วโลกรับรู้ทุกเรื่องของตัวเอง เหมือนการประชาสัมพันธ์ประเทศของตัวเอง อย่างเช่นอาจจับมือกัน แทนที่จะเอาทหารใส่ชุดปกติ ก็เอาทหารใส่ชุดโบราณ นี่คือการโฆษณา เหมือนกับกีฬาโอลิมปิค น้องสาวของคิมจองอึนมา ข่าวทั้งหลายเป็นเรื่องน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือทั้งนั้น"
กรณีนายคิมจองอึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ เดินทางมาประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ร่วมกับนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ณ หมู่บ้านพันมุนจอม เขตปลอดทหารชายแดนสองเกาหลี ซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้ทั่วโลกได้ติดตามเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ว่า จะนำมาสู่สันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสพูดคุยกับรองศาสตราจารย์ ดร.ดํารงค์ ฐานดี ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีศึกษา และอดีตผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ในฐานะที่เกาะติดสถานการณ์ของ 2 เกาหลีมาอย่างยาวนาน รศ.ดร.ดํารงค์ ได้ให้มุมมองว่า "ไม่มีอะไรใหม่ เดี๋ยวเหตุการณ์ก็จะกลับคืนมาเหมือนเดิม"
"ตอนนี้ภาพสองผู้นำโอนอ่อนหากัน ซึ่งจะมี 2-3 ประเด็นที่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ เช่น เกาหลีเหนือก็จะต้องยึดว่า การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเขาจะทำให้เกาหลีเหนือยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่าผ่าเผย ตรงนี้จะแก้ไขไม่ได้ แม้จะมีการมาคุยเรื่องการยุติสงคราม การแลกเปลี่ยนญาติเกาหลีกันที่เคยทำมาเก่าๆ ผมว่าทำได้ แต่เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องยาก"
รศ.ดร.ดํารงค์ คาดว่า อาจมีการเซ็นสัญญา เราจะไม่อยู่ในภาวะสงครามแล้วนะ ตรงนี้ทำได้ ความสัมพันธ์ระหว่างกันแลกเปลี่ยนญาติระหว่างกัน เปิดการท่องเที่ยว ทำได้ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ให้ยกเลิก คงทำไม่ได้ โดยที่ผ่านมาเกาหลีเหนือไม่เคยประกาศชัดจะระงับการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ กระทั่งก่อนประชุมสุดยอดวันนี้ เขาเพิ่งพูดว่า เกาหลีเหนือจะไม่ทดลองนิวเคลียร์ ซึ่งไม่ได้มีความหมายว่าจะยกเลิก
สิ่งสำคัญของการเจรจา เขามองว่า คือเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ หลายคนไม่แน่ใจเกาหลีเหนือจะยอม การไม่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้บอกว่า เมื่อไหร่ อาจเป็นวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ที่จะยิงหรือทดลองกันต่อ
สำหรับภาพประวัติศาสตร์ของ ผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ จับมือ และพากันเดินบนพรมแดง บรรยากาศสุดชื่นมื่นนั้น เขามองเป็นการหาเสียง แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การนำน้องสาว (คิม โย จอง) มานั่งร่วมโต๊ะเจรจด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีการประชุมสุดยอดมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ไม่เคยมีผู้หญิงเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่เคยปรากฎมาก่อน ผู้หญิงจะมีบทบาทสำคัญทางการเมือง
"การประชุมสุดยอดเกาหลี ครั้งแรกเมื่อปี 2000 ระหว่าง นายคิม แด-จุง (เกาหลีใต้) และ นายคิม จอง-อิล (เกาหลีเหนือ) ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่แบบเหตุการณ์วันนี้เลย ออกข่าวทั่วโลก จนคิม แด-จุงได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบล สุดท้ายก็มีการพูดกันว่า เกาหลีใต้จ่ายเงินให้เกาหลีเหนือเพื่อจัดประชุม 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลอกลวงทั้งโลก
และครั้งที่ 2 ปี 2007 นายโร มู-ฮยุน (เกาหลีใต้) กับ นายคิม จอง-อิล (เกาหลีเหนือ) ออกข่าวทั่วโลก เกาหลีใต้จะช่วยเกาหลีเหนือ แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ก็ไม่เอาด้วยที่ไปสัญญา กระทั่งนายโร มู-ฮยุนกระโดดหน้าผาตายเลย
และครั้งล่าสุด นับเป็นครั้งที่ 3 นายมุน แจ-อิน หาเสียงมานานแล้วว่า ต้องการพบนายคิม จอง-อึน เกาหลีเหนือ วันนี้เราไม่รู้ว่าเขาจ่ายเงินหรือไม่ หรือให้คำมั่นสัญญาอะไร หากมารู้ทีหลัง หรือการเจรจาไม่มีผลเท่าที่ควร ก็อาจโดนด่าก็ได้"
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกาหลีศึกษา ยังให้มุมคิดอีกว่า "เราอาจคิดอีกมุมเกาหลีทั้งเหนือและใต้ชอบสร้างข่าว ต้องการให้ทั่วโลกรับรู้ทุกเรื่องของตัวเอง เหมือนการประชาสัมพันธ์ประเทศของตัวเอง อย่างเช่นอาจจับมือกัน แทนที่จะเอาทหารใส่ชุดปกติ ก็เอาทหารใส่ชุดโบราณ นี่คือการโฆษณา เหมือนกับกีฬาโอลิมปิก น้องสาวของคิมจองอึนมา ข่าวทั้งหลายกลายเป็นเรื่องน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือทั้งนั้น
รศ.ดร.ดํารงค์ ยังแสดงความแปลกใจที่น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือนั่งโต๊ะเจรจา พร้อมกับให้ข้อสังเกตเรื่องผู้หญิงมีบทบาททางการเมืองระหว่างประเทศสูงมากในเกาหลีเหนือ เป็นอันเดียวที่เห็นข้อแตกต่าง
เมื่อถามถึงผลการเจรจา เขาเชื่อว่า จะไม่มีอะไรชัดเจน breakthrough หรือจะมีก็มีแบบเหมือนที่เคยคุยกัน อันที่ไม่มีนัยสำคัญ ส่วนการยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ไม่แน่ใจว่า ทำได้ และคงทำไม่ได้
"ไม่ใช่ผมคนเดียว คนทั่วโลกก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะเกาหลีเหนือมีไพ่ใบเดียว คือ นิวเคลียร์"
และเมื่อถามถึงกรณีผู้นำเกาหลีเหนือเตรียมหารือสุดยอดกับผู้นำสหรัฐฯ นั้น รศ.ดร.ดํารงค์ วิเคราะห์ว่า หากพูดถึงนิวเคลียร์ สหรัฐฯ จะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ก่อนจะมีการเจรจา คุณต้อง 'ยกเลิก' โปรแกรมนี้ทั้งโปรแกรม แต่ผู้นำเกาหลีเหนือ บอกจะ 'ยุติ' การทดลอง อาจจะทำการทดลองวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่นายโดนัล ทรัมป์ เน้นยกเลิกทั้งหมด ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนิวเคลียร์ให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดอาวุธ ฉะนั้น จึงเป็นการพูดคนละเรื่อง
"เกาหลีเหนือไม่มีทางยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ ผมมองเป็นการซื้อเวลา"
ส่วนมุมมองการพัฒนาเศรษฐกิของ 2 เกาหลีร่วมกันนั้น เขายืนยันหนักแน่น ยากที่จะร่วมมือกันในแนวลึก เพราะเกาหลีเหนือมีระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ไม่คอมมิวนิสต์ธรรมดา ก่อนเน้นเสียงสูง คอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์ แตกต่างจากจากจีน คอมมิวนิสต์ แต่เปลี่ยนแล้ว
"เกาหลีเหนือ บอกเมื่อจีน รัสเซียเปลี่ยน ฉันจะเป็นศูนย์กลางของคอมมิวนิสต์ที่แท้จริงของโลก ฉะนั้นโอกาสร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ จึงยากเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้" รศ.ดร.ดํารงค์ กล่าว และทิ้งท้าย "หัวเขาไม่เปลี่ยนประเทศเกาหลีเหนือก็ไม่เปลี่ยน"
ที่มาภาพ:https://www3.nhk.or.jp