ผู้ว่าฯประจักษ์ ข้องใจอดีตผอ.สำนักการช่าง อ้างสตง.เข้าใจผิดชี้มูลราคากลาง-สั่งจนท.สอบด่วน
ผู้ว่าฯ สตง. ข้องใจ อดีตผอ.สำนักการช่าง อ้างถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เหตุสตง.เข้าใจผิดสรุปผลสอบราคากลาง สั่ง จนท. ตรวจข้อมูลด่วน ลั่นเรื่องใหญ่กระทบภาพลักษณ์องค์กร ชี้ อบจ.เชียงใหม่ ลงโทษแค่หักเงิน 15% ส่อขัดหลักกม. ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วหน่วยงานในสังกัดตั้งกก.สอบแก้มติลดโทษไม่ได้
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้ลงนามในหนังสือลงวันที่ 27 ต.ค.2560 แจ้งถึง นายกองค์การบริหารสวนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เพื่อขอให้พิจารณาลงโทษทางวินัย นายสมศักดิ์ ลาภอดิศร ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นคณะกรรมการกำหนดราคากลางโครงการงานจ้างก่อสร้างปรับปรุงตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ระยะที่ 3 พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝังตะวันตก ตามสัญญาจ้างเลขที่ 16/2546 ลงวันที่ 20 มี.ค.2546 ของเทศบาลนครพิษณุโลก หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง และแจ้งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษทางวินัย ตามสำเนาหนังสือ ป.ป.ช.ลงวันที่ 10 ต.ค.2560
ขณะที่ในปัจจุบัน นายสมศักดิ์ เกษียณอายุราชการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2560 ที่ผ่านมา โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุ คือ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง อบจ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2561 ที่ผ่านมา อบจ.เชียงใหม่ ได้ออกประกาศว่าจ้าง นายสมศักดิ์ ให้ทำงานต่อในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านวิศวกรรมโยธา และเข้ามาทำงานที่อบจ.เชียงใหม่ตามปกติ แต่ไม่มีการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า นายก อบจ.เชียงใหม่ ได้พิจารณาสั่งโทษทางวินัยนายสมศักดิ์ ตามผลการชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปแล้วหรือไม่ (อ่านประกอบ : พบ อบจ.เชียงใหม่ จ้างอดีตผอ.สำนักการช่างทำงานต่อ ทั้งที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง, โชว์หลักฐานอบจ.เชียงใหม่จ้างอดีตผอ.สำนักการช่างทำงานต่อ-เมินป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง?)
เบื้องต้น นายสมศักดิ์ ลาภอดิศร อดีตผู้อำนวยการสำนักการช่าง อบจ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงสำนักข่าวอิศราทางโทรศัพท์ ว่า เกี่ยวกับคดีที่ตนถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงนั้น เป็นผลมาจากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ชี้มูลความผิดเพราะเข้าใจผิดเรื่องราคากลางในการดำเนินงานว่ามีปัญหา แต่ก่อนหน้าที่ ป.ป.ช. จะส่งเรื่องแจ้งผลการชี้มูลความผิดมานั้น ตนได้ย้ายออกมาจากเทศบาลนครพิษณุโลก ไปอยู่เทศบาลนครปากเกร็ด และย้ายต่อมาอยู่ที่อบจ.เชียงใหม่ จึงไม่มีโอกาสไปชี้แจงกับทาง ป.ป.ช.
โดยในส่วนการดำเนินงานของเทศบาลนครปากเกร็ด นั้น ได้มีการตั้งกรรมการลงโทษตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และตนได้เข้าไปชี้แจง ซึ่งกรรมการก็เห็นว่า ไม่ได้มีความผิดร้ายแรง ตามที่เห็นว่าผิดระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างตามมติ ครม. และเมื่อตนย้ายไปที่ อบจ.เชียงใหม่ เทศบาลนครปากเกร็ดจึงส่งมติลงโทษวินัยไม่ร้ายแรงไปที่ อบจ.เชียงใหม่ และกรรมการ อบจ.เชียงใหม่ ก็เรียกตนเข้าชี้แจง และมีมติยืนการลงโทษวินัยไม่ร้ายแรงตามเทศบาลนครปากเกร็ด หักเงินเดือน 15% เพราะไม่ทำตามติ ครม. (อ่านประกอบ : ปากเกร็ดแก้มติลดโทษป.ป.ช.ให้! อดีตผอ.สำนักการช่าง แจงอบจ.เชียงใหม่ สั่งหักเงินด.15%แล้ว)
ล่าสุด นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ว่า ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ ของ นายสมศักดิ์ แล้ว และจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่สตง. ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานผลการตรวจสอบโครงการงานจ้างก่อสร้างปรับปรุงตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ระยะที่ 3 พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝังตะวันตก ตามสัญญาจ้างเลขที่ 16/2546 ลงวันที่ 20 มี.ค.2546 ของเทศบาลนครพิษณุโลก ว่า มีรายละเอียดเป็นอย่างไร การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่มีการเข้าใจผิดเรื่องราคากลางตามที่นายสมศักดิ์กล่าวอ้างหรือไม่
"เรื่องนี้มีความสำคัญมาก และต้องรีบทำความจริงให้ปรากฎ เพราะการที่นายสมศักดิ์ พูดแบบนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานตรวจสอบของสตง.อย่างมาก ที่บอกว่าเราเข้าใจผิด และเป็นผลทำให้เขาถูกชี้มูลความผิด จะรีบสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน"
ผู้ว่าฯ สตง. ยังระบุด้วยว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิจารณาคดีต่างๆ ของป.ป.ช. ตามรายงานผลการตรวจสอบของ สตง. ที่ส่งไปให้นั้น โดยหลัก ป.ป.ช. จะไม่ได้เชื่อข้อมูลของสตง.ทั้งหมดอยู่แล้ว จะมีการตรวจสอบไต่สวนข้อมูลของป.ป.ช.เอง จนกระทั่งมีผลการชี้มูลออกมา อย่างไรก็ตาม ตามหลักกฎหมาย ป.ป.ช.นั้น เมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหา และส่งเรื่องไปให้หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาโทษ หน่วยงานต้นสังกัดจะต้องพิจารณาลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ตามมติป.ป.ช. ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่สามารถตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนซ้ำ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงมติชี้มูลของ ป.ป.ช. ได้ ซึ่งเรื่องนี้ควรไปสอบถามความเห็นจาก ป.ป.ช. เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.โดยตรง