สนช.เห็นชอบ ข้อเสนอ 'สมชาย แสวงการ' คว่ำกระจาด 14 ว่าที่ กสทช. สรรหาใหม่หมด
สนช.เห็นด้วยข้อเสนอ 'สมชาย แสวงการ' คว่ำว่าที่ กสทช. 14 คน เหตุ คุณสมบัติไม่ตรงตาม พรบ. กสทช. มาตรา 7 ทำ จำนวนขั้นต่ำมีไม่ถึง กม.กำหนด จ่อสรรหา ตาม กม.ใหม่
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้มีการประชุมลับลงมติพื่อคัดเลือกคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำนวน 7 คน ใน 7 ด้าน ประกอบไปด้วย 1."ด้านกิจการกระจายเสียง" ได้แก่ พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์ และนายธนกร ศรีสุกใส 2. "ด้านกิจการโทรทัศน์" ได้แก่ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ 3. "ด้านกิจการโทรคมนาคม" ได้แก่ นายอธิคม ฤกษบุตร กับ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ 4. "ด้านวิศวกรรม" ได้แก่ พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน 5. "ด้านกฎหมาย" ได้แก่ นายมนูภาน ยศธแสนย์ และ นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร 6. "ด้านเศรษฐศาสตร์" ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภักดี มะนะเวศ และ นายณรงค์ เขียดเด และ7. "ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน" ได้แก่ นพ. สุริยเดว ทรีปาตี และนายวรรณชัย สุวรรณกาญจน์
โดยการประชุมลับเพื่อตัดสินใจลงมตินั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 13.45 น. ก่อนจะสิ้นสุดในเวลา 17.00 น. จากนั้น นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช.และเลขานุการวิปสนช. กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. พบว่ามีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ รวม 8 คน ซึ่งอาจขัดกับมาตรา 7 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งกำหนดลักษณะต้องห้ามว่ากสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือก
นายสมชาย กล่าวว่า สนช.ได้รับบัญชีรายชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งกสทช.ในแต่ละด้านมาจำนวน 2 เท่าก็จริง แต่เมื่อพบว่ามีบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้าม จึงมีประเด็นว่าบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้นมีจำนวน 2 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้าสนช.ลงมติเลือกไปอาจมีปัญหาในทางกฎหมายได้ ดังนั้นตนจึงเสนอข้อเสนอให้สนช.ลงมติเพื่อไม่เลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหากลับไปแก้ไขข้อบกพร่อง ซึงเป็นไปตามมาตรา 17 วรรคสองของกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าถ้าสนช.ไม่สามารถเลือกกสทช.ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช.อภิปรายแย้งว่า เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้เสนอบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. สนช.ก็ควรดำเนินการเลือกตามมาตรา 16 และมาตรา 17 ของพ.ร.บ.ดังกล่าว อีกทั้งสนช.ไม่มีหน้าที่ในการไปวินิจฉัยว่าใครมีคุณสมบัติครบหรือไม่ เพราะบัญชีารายชื่อที่สนช.ได้รับมานั้นได้ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้วชั้นหนึ่งจากคณะกรรมการสรรหา
นายตวง กล่าวว่า นอกจากนี้ สนช.จะใช้มติเพื่อยกเว้นการใช้พ.ร.บ.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่นฯไม่ได้ ซึ่งต่างจากการยกเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุมสนช.ที่สนช.สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ดังนั้น สนช.ต้องดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนสมาชิกสนช.คนใดคิดว่าบุคคลดังกล่าวไม่เหมาะสมกับตำแหน่งกสทช.ก็ใช้สิทธิในลงคะแนนในทางใดทางหนึ่งต่อไป
ต่อมาที่ประชุม สนช.ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม ได้ตัดสินใจลงคะแนนลับเมื่อเวลา 17.50 น. ว่าจะให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอของนายสมชายหรือไม่ โดยผลคะแนนออกมาว่าเห็นชอบ 118 คะแนน ไม่เห็นชอบ 25 คะแนน งดออกเสียง 20 คะแนน ส่งผลให้ สมาชิก สนช.ตัดสินใจไม่เลือกผู้ถูกสรรหาเป็น กสทช.ทั้งหมด
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าภายหลังจาก สนช.ลงมติไม่เห็นชอบผู้ถูกคัดสรรให้มาดำรงตำแหน่ง กสทช.ทั้ง 14 คนแล้ว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กสทช. ในส่วนของระเบียบคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. พ.ศ.2560 ระบุว่าในการดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครของคณะกรรมการสรรหา ให้สำนักงานประกาศการเปิดรับสมัครให้ทราบโดยทั่วไป ผ่านทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อยสามสิบวันติดต่อกันและเมื่อครบกำหนดเวลาและมีผู้สมัครไม่น้อยกว่าสองเท่าของจำนวนกรรมการทุกด้าน ให้สำนักงานเสนอบัญชีรายชื่อผู้สมัคร พร้อมทั้งใบสมัคร เอกสาร และหลักฐานประกอบการสมัครว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ถ้าหากมีผู้สมัครในด้านใดไม่ถึงสองเท่าของจำนวนกรรมการที่จะพึงมีในด้านนั้น ให้สำนักงานขยายระยะเวลาการรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาในด้านนั้นออกไปอีกคราวละไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันพ้นกำหนด และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การขยายระยะเวลาการรับสมัครให้ทราบทั่วกัน
เมื่อได้รับรายชื่อผู้สมัครจากสำนักงานแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครแต่ละด้านให้ได้จำนวนสองเท่าของจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ทั้งนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายชื่อดังกล่าวหลังจากนั้นให้ส่งรายชื่อให้ สนช.พิจารณาต่อไป
อ่านประกอบ:
จับตาวิป สนช. คว่ำ 14 ว่าที่ กสทช. เหตุคุณสมบัติมีปัญหา ทำจำนวนผู้ถูกสรรหา ไม่เข้าหลัก กม.