วสท.ยกเคสบันไดเลื่อนBTS หลุด ขอผู้ให้บริการรถไฟฟ้า เข้มงวดความปลอดภัย
วสท. ยกเคสบันไดเลื่อน BTS หลุด แนะอาคารรถไฟฟ้าทุกสาย ควรมีมาตรฐานบำรุงรักษาเข้มกว่าอาคารทั่วไป เสนอปรับใช้ระบบดูแลเดียวกัน ด้านบีทีเอสออกหนังสือชี้แจงความปลอดภัยผู้โดยสารสำคัญสุด ยัน18 ปีไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้
สืบเนื่องจากกรณีบันไดเลื่อนรถไฟฟ้า BTS สถานีพญาไทยุบพังลง โดยแผ่นลูกบันไดเลื่อนทางขึ้นจากชั้นพื้นถนน จำนวน 1 แผ่น ได้หลุดออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ร่วมกับ สมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าว วิเคราะห์เหตุจากบันไดเลื่อนยุบ "บันไดเลื่อนในไทย สังเกตอย่างไร ก่อนการใช้งาน"
นายบุญพงษ์ กิจวัฒนาชัย รองประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่สถานีรถไฟฟ้า ได้มีแผ่นขั้นบันไดเลื่อน ของบันไดเลื่อนจากชั้นพื้นถนน จำนวน 1 แผ่น หลุดออกจากตำแหน่ง ทำให้เกิดช่องโหว่ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เกิดลักษณะเช่นนี้ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เพราะเมื่อเกิดเหตุ บันไดเลื่อนซึ่งมีระบบความปลอดภัย (Safety)ได้หยุดการทำงานของบันไดเลื่อนทันที และบริษัทฯ ได้เข้าปิดกั้นพื้นที่บริเวณดังกล่าวทันที ส่วนวิเคราะห์สาเหตุนั้นมีความเป็นไปได้หลายทาง เช่น การเสื่อมชำรุดของอุปกรณ์ จากลักษณะการหลุดหล่นของแผ่นขั้นบันไดอาจมาจากล้อบน-ล้อล่าง ตกท่อ หลุดจากราง เป็นไปได้ว่าการบำรุงรักษาไม่สอดคล้องกับ ลักษณะการใช้งาน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางวิศวกรรมโดยละเอียดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้เป็นบทเรียนร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้ผลิตบันไดเลื่อนและทางเลื่อนจะติดตั้งระบบอุปกรณ์ความปลอดภัยในกรณีต่างๆ 15 จุด เพื่อหยุดการทำงานของบันไดเลื่อนทันทีโดยอัตโนมัติ และโดยคน
นายบุญพงษ์ ยังได้เสนอแนะด้วยว่า ก่อนการใช้งานว่าบันไดเลื่อนนั้นปลอดภัยหรือไม่ ให้สังเกตุว่ามีสิ่งผิดปกติเหล่านี้หรือไม่ เช่น บันไดเลื่อนมีเสียงดังผิดปกติและมีร่องรอยชำรุด, ราวมือจับบันไดเลื่อนไม่ทำงานหรือฉีกขาด ร้อนผิดปกติ กระตุก เคลื่อนที่ไม่สม่ำเสมอ เคลื่อนที่ไม่สัมพันธ์กับขั้นบันไดเลื่อน หรือเคลื่อนที่ด้านซ้าย และขวาไม่เท่ากัน, ขั้นบันไดเลื่อนเคลื่อนที่ไม่สม่ำเสมอ กระตุกมีเสียงดัง, ซี่ของขั้นบันไดแตกหักมากกว่า 4-5 ซี่ติดต่อกันในหนึ่งขั้น หรือแตกหักเป็นจำนวนมาก, ซี่หวีที่แผ่นพื้นปิดห้องเครื่องแตก หักมากกว่า4-5 ซี่ติดต่อกัน หรือแตกหักเป็นจำนวนมาก, ไม่ได้ยึดน็อตที่แผ่นพื้นปิดห้องเครื่องให้เรียบร้อย, มีขยะ สิ่งสกปรก หรือน้ำเจิ่งนองที่บันไดเลื่อน, ขอบข้างบันไดเลื่อนมีรอยเสียดสีเป็นร่อง ฉีกขาด หรือชำรุด, ระยะห่างความปลอดภัยทางเข้า-ออกบันไดเลื่อนน้อยเกินไป, ความสูงจากขั้นบันไดเลื่อนถึงเพดานน้อยกว่า 2.30 เมตร,ระยะห่างระหว่างราวมือจับบันไดเลื่อนน้อยกว่า 12 เซนติเมตร,ระยะห่างระหว่างราวมือจับบันไดเลื่อนกับผนังน้อยกว่า 80 เซนติเมตร, ระยะห่างระหว่างข้างขอบบันไดเลื่อนกับขั้นบันไดเลื่อนห่าง หรือชิดเกินหรือน้อยกว่า 4 มิลลิเมตร,ระยะห่างระหว่างซี่ของขั้นบันไดเลื่อนที่ขบกันห่าง หรือชิดเกินหรือน้อยกว่า 4 มิลลิเมตร, ระยะห่างระหว่างซี่ของขั้นบันไดเลื่อนกับแผ่นพื้นปิดบันไดเลื่อนที่ขบกันห่างหรือชิดเกินหรือน้อยกว่า 4 มิลลิเมตร, พบเห็นปุ่มกดฉุกเฉินชำรุด หรือมีคราบน้ำมันหล่อลื่นตามขอบข้างบันไดเลื่อน เป็นต้น
ด้านนายสุพัตถ์ จารุศร อดีตนายกสมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงข้อแนะนำในการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุบันไดเลื่อนและทางเลื่อนว่า ผู้ดูแลรักษาอุปกรณ์ควรดูแลอุปกรณ์ให้ตรงตามคู่มือการใช้งานซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยจะต้องตรวจเป็นประจำทุกหนึ่งเดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ตัวอย่างการบำรุงรักษาที่ต้องตรวจสอบ คือ ระบบไฟฟ้า น้ำมันหล่อลื่น การสึกหรอของล้อบันไดเลื่อน และราง ปรับความตึงของโซ่ และราวบันได ตรวจสอบซี่บันได ตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมที่ตกหล่นเข้าไปในบันไดเลื่อน ปรับแต่งระยะห่างความปลอดภัยที่ซี่ขั้นบันได ช่องว่างขอบข้างบันได ช่องว่างทางเข้า และออกของราวบันได ขั้นบันไดกับแผ่นปิดห้องเครื่อง และอุปกรณ์ความปลอดภัยของบันไดเลื่อน
ส่วน ข้อแนะนำสำหรับอาคาร ห้ามมีสิ่งปลูกสร้าง วางสิ่งของ หรือติดตั้งเสาขวางบริเวณทางเข้า และออกภายในระยะปลอดภัยของบันไดเลื่อน (ประมาณ 2.50 เมตร) โดยจะต้องเป็นพื้นที่ว่าง, บริเวณบันไดเลื่อนต้องแห้ง สะอาด ไม่มีขยะ และต้องไม่มีน้ำเจิ่งนอง, ห้ามทำความสะอาดราวมือจับบันไดเลื่อน หรือทางเลื่อน ขั้นบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อน และชิ้นส่วนต่าง ๆ ขณะที่บันไดเลื่อนหรือทางเลื่อนกำลังทำงาน, บำรุงรักษา และตรวจสอบความปลอดภัยบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อน ตามคำแนะนำของผู้ผลิตแต่ไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง, ควรปรับแต่ง ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด สึกหรอตามอายุการใช้งานและตามคำแนะนำของผู้ผลิต, ก่อนการเปิดใช้งานจะต้องเดินสำรวจตลอดบันไดเลื่อน หรือทางเลื่อนทุกครั้ง และควรจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยประจำปีตามกฎหมาย
ด้านรศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา และประธานคณะกรรมการภัยพิบัติ วสท.กล่าวว่า โลกคมนาคมขนส่งและการพัฒนาเมืองเปลี่ยนแปลงไป วสท.จะทำข้อกำหนดเพื่อให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับบันไดเลื่อนมาติดตั้ง โดยเฉพาะสนามกีฬา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสาธารณะ เช่น ระบบลำเลียงคนเมื่อเกิดอุบัติเหตุในกรณีต่างๆ นอกจากนี้ อาคารขนส่งมวลชน (Mass Transit) ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประชาชนมากขึ้น ในแต่ละวันมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก
“ปัจจุบันยังไม่มีกฏหมายควบคุมการดูแลบำรุงรักษา ในอนาคตควรกำหนดให้อาคาร Mass Transit ต้องได้รับการบำรุงรักษามากกว่าอาคารใหญ่อื่นๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการเดินทางประจำวัน และรองรับประชาชนเป็นจำนวนมาก, สามองค์กรที่ดำเนินงานด้านรถไฟฟ้า คือ BTS รฟม. และแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ ควรศึกษาร่วมกันและใช้มาตรฐานการบำรุงรักษาอุปกรณ์ระบบเดียวกัน นอกจากนี้ท่ามกลางเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง วสท.กำลังพัฒนาทบทวนมาตรฐานให้รองรับอนาคตอีกด้วย” รศ.เอนก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม บีทีเอสได้ออกหนังสือชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าได้มีการสั่งตรวจสภาพบันไดเลื่อนในทุกสถานีเป็นการพิเศษ เพื่อดูแลความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว พร้อมยืนยันว่าอุปกรณ์บันใดเลื่อนนั้นได้รับการติดตั้งจากบริษัทชั้นนำจากยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นผู้ซ่อมบำรุง เพื่อให้มีมาตรฐานในระดับสากล มีการกำหนดวงรอบการตรวจสอบดูแล และซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ตลอด 18 ปีนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนี้ยังได้ย้ำถึงนโยบายของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นลำดับแรก พร้อมกับขออภัยกับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น