"เกียรติ สิทธีอมร" ห่วง EEC ไฟเขียวต่างชาติลงทุน ไม่บังคับถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทย
อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย หวั่นตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ EEC ดันเศรษฐกิจไทยโต ชี้นโยบายนี้เอื้อต่างชาติลงทุนสุดโต่ง ถามมีด้วยหรือในโลกนี้ ยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล แถมไม่บังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี แตกต่างจากจีนพัฒนาไปไกลแบบก้าวกระโดด เพราะเน้นต้องเป็นหุ้นส่วนพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตประธานหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย กล่าวในเวทีสาธารณะมองการณ์ไกลประเทศไทย"ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม และการผูกขาดทางเศรษฐกิจ" จัดโดยโครงการสร้างคนดี มองการณ์ไกล ไทยรุ่งเรือง มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว และเครือข่ายภาคประชาชน ณ ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถึงความความเหลื่อมล้ำหากให้มองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถือว่า สูงขึ้น เนื่องจากรายได้ประชาชนหายไปกว่าครึ่ง
นายเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ระบบเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา ขณะเดียวกันนโยบายรัฐที่นำมาใช้ก็ไม่เอื้อต่อการกระจายรายได้ รวมไปถึงนโยบายที่รัฐทำแบบปูพรมไปกับกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้มีรายได้น้อย
สำหรับนโยบายแบบปูพรม อาทิ โครงการไทยนิยมฯ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท ต่อยอดมาจากโครงการประชารัฐ ซึ่งมีการกำหนดงบประมาณไว้ก่อน ถามว่าโครงการคืออะไร ในอดีตพ.ร.บ.งบประมาณไม่เคยให้โครงการแบบนี้ผ่านไปง่ายๆ เป็นงบลอย ตั้งกองไว้ และอาจทำให้การใช้งบไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย มีโอกาสเกิดคอร์รัปขั่นสูง โดยเฉพาะงบจัดอบรมหมื่นล้านบาท
นายเกียรติ ยังกล่าวถึงโครงการประชารัฐฯ ยังมีการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ตรงนี้เห็นว่า น่าจะใช้กับกรณีเร่งด่วนเท่านั้น ประชารัฐมีหลายโครงการ ยกเว้นพ.ร.บ.จัดซื้อฯ "ผมจึงไม่คิดว่า การออกแบบโครงการลักษณะนี้ถูกทาง"
ทั้งนี้ ยังมีโครงการจ้างคนท้องถิ่น อปท.นำเงินไปจ้างเหมาขาใหญ่ในพื้นที่ ไม่มีการกระจายรายได้ รวมถึงมีผลการสำรวจหลายโครงการซ้ำซ้อนกับโครงการของท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว
"1 โครงการได้ 2 งบ สนุกสนานเกินไปหรือไม่ ฉะนั้น อยากเห็นรัฐบาลที่ทำโครงการไปไปแล้ว พบมีปัญหาตรงไหนขอให้ทบทวนแก้ไข ดีกว่าการไปต่อยอดแล้วบอกว่าดี เพราะบางโครงการแก้ปัญหาหนึ่ง สร้างอีกปัญหาหนึ่ง เช่น โครงการธงฟ้าประชารัฐ เบียดผู้ขายในพื้นที่หมด เจออุปสรรคการเดินทาง ร้านมีน้อย และราคาสินค้าที่แพงกว่า โครงการนี้จึงสร้างความเหลื่อมล้ำ ใช่หรือไม่ โครงการแบบนี้ไม่มีการทบทวนหรือปรับให้ดีขึ้นเลยที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ยังกล่าวถึงนโยบายเพื่อกลุ่มทุน ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม นโยบายพลังงาน นโยบายพลังงานทดแทนที่ทั่วโลกเปิดกว้างแล้ว แต่ของไทยยังกั๊ก มีระบบโควต้า รัฐวิสาหกิจจะมาทำเอง นโยบายส่วนต่างดอกเบี้ย 7% เอื้อกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้น
สุดท้าย นายเกียรติ ยังกล่าวถึงโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับแนวคิดกับการพัฒนา แต่ขอให้ดูไส้ในด้วย EEC ทำอะไรบ้าง สร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามามาทำงาน
“มีด้วยหรือในโลกนี้ ยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ผมมองว่าเอื้อต่างชาติสุดโต่ง หากจะทำต้องได้รับการยกเว้นทุกคน ไม่เว้นคนไทย ดังนั้นนโยบายนี้ผมขอตำหนิ” อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าว และว่า ส่วนการตั้งความหวังเรื่องการลงทุนต่างชาติจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ประเทศไทยนั้น พบว่า การลงทุนที่ผ่านมา 20 ปี ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเลคทรอนิกส์ ไทยได้เทคโนโลยีแบบเป็นไปตามธรรมชาติ แตกต่างของจีน วันนี้ประเทศจีนพัฒนาแบบก้าวกระโดดเพราะมีการบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ แต่ EEC ไม่บังคับ จึงมองว่า เป็นความหวังลมๆแล้งๆ ดังนั้น EEC ต้องเป็นหุ้นส่วนพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน แต่ยังไม่เห็นเงื่อนไขตรงจุดนี้เลย
ที่มาภาพ:http://eep11.egatlearning.com/