แบกหนี้8.3พันล.เจ้าของหุ้นใหญ่อยู่ไอซ์แลนด์! เปิดตัวไทยลาวลิกไนท์ ก่อนบ้านปูชดใช้2.7พันล.

 "...กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยใช้ข้อมูลโครงการของโจทก์ ศาลพิจารณาว่า เป็นการใช้ข้อมูลที่มีมูลค่าของโจทก์จึงกำหนดให้ จำเลย จ่ายค่าใช้ข้อมูลเป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 โดยความรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามคำพิพากษาของศาลนั้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะร่วมรับผิดชอบในจำนวนเท่าๆ กัน..."

สาธารณชนคงได้รับทราบข้อมูลกันไปแล้วว่า ในช่วงเวลา 9.00 น. วันที่ 6 มี.ค.2561 ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ 2946/2550 ที่นายศิวะ งานทวี ผู้บริหารกลุ่มบริษัทด้านพลังงาน บริษัท ไทยลาวลิกไนท์ จำกัด บริษัท หงสาลิกไนต์ จำกัด บริษัท ไทยลาวเพาเวอร์ จำกัด และบริษัท เซ้าอีสท์เอเซีย เพาเวอร์ จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU บริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายชาญชัย ชีวะเกตุ และนายองอาจ เอื้ออภิญญกุล กรรมการบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-6  

โดยฝ่ายโจทก์ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งว่าจำเลยเข้าไปทำโครงการลงทุนก่อสร้างและบริหารงานโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์โดยนำข้อมูลผลการศึกษาโครงการเบื้องต้นของโจทก์ไปใช้ที่เมืองหงสา แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า คดีหงสา ขณะที่ศาลพิพากษาให้  บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 1.5 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ให้ บริษัทไทย-ลาว ลิกไนต์ ที่เป็นโจทก์ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้นเมื่อนำดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2550 มารวมกับเงิน 1,500 ล้านบาท ทางบริษัทบ้านปูจะต้องจ่ายเงินให้โจทก์ทั้งสิ้น 2,737 ล้านบาท (อ่านประกอบ : ปิดฉากคดีประวัติศาสตร์หงสา! ศาลฎีกาสั่งบ้านปูชดใช้ บ.ไทย-ลาว ลิกไนต์ 1.5พันล., ย้อนคดีประวัติศาสตร์หงสา ก่อนศาลนัดชี้ขาดบ.ไทย-ลาว ฟ้องเรียกค่าเสียหายบ้านปู3.1หมื่นล. )

แต่สาธารณชนอาจจะยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ไทยลาวลิกไนท์ จำกัด โดยเฉพาะสถานะทางธุรกิจในปัจจุบัน

สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ไทยลาวลิกไนท์ จำกัด  จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่  9 พฤศจิกายน 2533 ทุนปัจจุบัน  52,525,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่  71/13 ซอยเจริญใจ ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่และเหมืองหิน

ปรากฎชื่อนายเอกมินทร์ งานทวี  นายเอกภพ งานทวี  นายฉัตรชัย ศิริวัฒนา นายธงชัย ณ นคร  นายนิพล กมลพันธฤกษ์ นางสาวนฤมล ทองมอญ  นางสาวอุบลรัตน์ มโนชัยพจี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ แต่ในส่วนกรณีกิจการที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความร้องทุกข์และการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี อาญาในศาล ให้นายอำนาจ รามแก้ว ปรากฎชื่อเป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 29 เมษายน 2560 บริษัท แอปริคอท แมเนจเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 89.9524% นางสาว นฤมล ทองมอญ  10% หุ้นที่เหลือกระจายอยู่ในชื่อบริษัท เซ้าอีสท์เอเซีย เพาเวอร์ จำกัด บริษัท แสตรทฟอร์ด ยูนิเวอร์แซล จำกัด  (สัญชาติไอซ์แลนด์ )  นาย สุกิจ งานทวี  นาย ศิวะ งานทวี นางสาว ปลายฟ้า งานทวี นางสาว เพลิน งานทวี  นาย ฉัตรชัย ศิริวัฒนา คุณหญิง แร่ม พรหโมบล บุณยประสพ  นาง วจนา ภูคาสวรรค์ นาย เอกมินทร์ งานทวี

นำส่งข้อมูลงบการเงินล่าสุด ณ 31 ธ.ค.2559 แจ้งว่ามีรายได้รวม  70,837,515 บาท รวมรายจ่าย    76,030,217 บาท ขาดทุนสุทธิ    401,910,787 บาท

สินทรัพย์แจ้งว่า มีสินทรัพย์รวม 16,990,714 บาท เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด  484,319 บาท  มีหนี้สินรวม 8,382,658,867บาท เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 4,336,034,903 บาท

ส่วน บริษัท แอปริคอท แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ จดทะเบียนจัดตั้ง 24 พฤศจิกายน 2554 ทุนปัจจุบัน  57,500,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่  299/4 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจบริการทางด้านการจัดการ, บริหารหรืออื่นๆ ให้กับบริษัทในฐานะผู้บริหารแผน

ปรากฎชื่อ  นายธงชัย ณ นคร นายนิพล กมลพันธฤกษ์ นางสาวนฤมล ทองมอญ นางสาวอุบลรัตน์ มโนชัยพจี นายฉัตรชัย ศิริวัฒนา นายเอกมินทร์ งานทวี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 28 เมษายน 2560 ไอ-อิมแพค อินซ์ (สัญชาติไอซ์แลนด์) ถือหุ้นใหญ่  45%  นางสาว อนัญญา วรางควนิช    24.1304%    นาย เอกมินทร์ งานทวี    15%   นางสาว อุุบลรัตน์ มโนชัยพจี    12.3913%    นางสาว พัชรีรัตน์ บุษราคัมวงศ์    3.4783%  

ส่วนบริษัท ไทยลาวเพาเวอร์ จำกัด พบว่าเพิ่งจดทะเบียน 28 กุมภาพันธ์ 2561 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 71/13 ซอยเจริญใจ ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบ    กิจการทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน ปรากฎชื่อ น.ส. เยาวรัตน์ จิตรวิไลมงคล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ภายหลังรับทราบคำพิพากษาของศาล ได้แจ้งคำพิพากษาศาลฏีกาต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า สืบเนื่องจากที่ศาลแพ่งได้มีหมายแจ้งนัดมายังบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ให้ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีความแพ่งที่นายศิวะ งานทวีและพวก เป็นโจทก์ ฟ้องบริษัทฯ และบริษัทย่อยได้แก่ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และผู้บริหารเป็นจำเลย โดยกล่าวอ้างว่าร่วมกันละเมิดและเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการละเมิดเพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินรวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ("โครงการหงสา")  ในวันที่ 6 มีนาคม 2561 เวลา 9.00 น. นั้น

ในวันนี้ ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟัง โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า

1. กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า เข้าร่วมทำสัญญาพัฒนาโครงการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล โดยไม่มีเจตนาเข้าทำโครงการจริง ศาลพิจารณาว่าจำเลยมีความสุจริตในการเข้าทำสัญญาและมีเจตนาทำโครงการจริง มิใช่เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล

2.  กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมาเพื่อให้โครงการล่าช้า อันเป็นเหตุให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานกับโจทก์ ศาลพิจารณาว่า จำเลยมีความสุจริตทำเพื่อประโยชน์ของโครงการ และรัฐบาลลาวมิได้ใช้เหตุนี้ในการยกเลิกสัมปทานกับโจทก์

3. กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยยุยงรัฐบาลลาว ให้ยกเลิกสัมปทานกับโจทก์ ศาลพิจารณาว่า จำเลยมีความสุจริต มิได้ยุยง การยกเลิกสัมปทานเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลลาว เพื่อประโยชน์ของประชาชนลาว

4. กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยใช้ข้อมูลโครงการของโจทก์ ศาลพิจารณาว่า เป็นการใช้ข้อมูลที่มีมูลค่าของโจทก์จึงกำหนดให้ จำเลย จ่ายค่าใช้ข้อมูลเป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 โดยความรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามคำพิพากษาของศาลนั้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะร่วมรับผิดชอบในจำนวนเท่าๆ กัน

บริษัทฯ ขอเรียนว่า  บริษัทฯ บริษัทย่อย และผู้บริหารได้ดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริต คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและสังคมโดยรวมเป็นสำคัญตลอดมา ทั้งนี้บริษัทฯ จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโดยจะทำการชำระเงินตามคำพิพากษาทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยทันทีการชำระเงินดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ แต่อย่างใด (ดูข้อมูลประกอบ https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=15202934555311&language=th&country=TH) 

เป็นฉากสุดท้ายสำหรับคดีประวัติศาสตร์หงสา ที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี