สู้ไม่ถอย! เครือข่ายไม่เอาถ่านหิน ยันปักหลักจนกว่ารัฐจะยกเลิกโครงการ
สู้ไม่ถอย เครือข่ายคนไม่เอาถ่านหิน จี้รัฐบาลต้องยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้า พร้อมใช้อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด หลังพ้นเส้นตาย13 ก.พ. ผู้ชุมนุมบางส่วนขึ้นป้ายอดอาหารประท้วง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินและเครือข่ายคนสงขลาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน (กระบี่ – เทพา) ร่วมแถลงการณ์ครั้งสำคัญ ปฏิบัติการปกป้องสองฝั่งทะเลจากถ่านหินของพี่น้องจากกระบี่และเทพากว่า 150 คน ที่หน้าองค์กรสหประชาชาติ (UN)
โดยในแถลงการณ์ระบุว่า
หลังจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าประเทศไทย ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ได้พยายามนำเสนอวิธีการผลิตไฟฟ้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นหลัก และส่วนใหญ่มีการกำหนดให้พื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ของโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ต่ำกว่า 9 โรง ใกล้ชายฝั่งทะเลทั้งอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งตั้งแต่กฟผ.พยายามที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (บ้านบ่อนอก – หินกรูด) จนเกิดกระแสคัดค้านอย่างหนักจากประชาชนในพื้นที่ จนไม่สามารถที่จะดำเนินการโครงการในพื้นที่นั้นได้ จึงมีการถอยร่นพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลงมาในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างเต็มรูปแบบ ดังที่รับทราบกันอยู่ในปัจจุบัน หากแต่กระแสคัดค้านก็มีอยู่เช่นกัน
เหตุผลที่รัฐบาล และ กฟผ. พยายามหยิบยกมาตลอด คือความไม่มั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของภาคใต้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วต่อเรื่องนี้มีนักวิชาการด้านพลังงานออกมาอธิบายเพื่อทำความเข้าใจให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงอีกด้าน แต่อาจจะเป็นเสียงที่ยังแผ่วเบาจนรัฐบาลไม่ได้ยิน และนอกจากนั้นแล้วยังมีข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของกลุ่มทุนถ่านหินที่รวมไปถึงองค์กรอย่าง กฟผ. เองที่ได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นจากบริษัทถ่านหินไว้ด้วย จึงยิ่งเป็นแรงผลักสำคัญ ที่จะดึงดันให้โรงไฟฟ้าถ่านหินต้องเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ เหตุปัจจัยเหล่านี้ได้นำไปสู่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และเห็นได้ชัดว่า กฟผ. มีการนำกลเม็ดต่างๆมาใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองต่อเรื่องนี้ด้วยท่าทีที่ไม่เหมาะสมอันเห็นได้จากความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ หรือสื่ออื่นๆที่เขาสามารถเข้าไปสนับสนุนได้ จนกลายเป็นความร้อนแรงที่กำลังระอุถึงจุดแตกหักทั้งกรณีกระบี่และเทพา
“มาถึงวันนี้พวกเราชาวเทพาและกระบี่ไม่อาจจะถอยได้อีกแล้ว ถึงแม้จะมีประกาศชะลอโครงการดังกล่าวโดยรัฐบาลเมื่ อไม่มีวันที่ผ่านมาก็ตาม ด้วยวาทกรรมดังกล่าวที่รับรู้กันดีว่าคือ “คำลวง” ที่ไม่สามารถยอมรับได้ และวันนี้ชาวบ้านทั้งสองพื้นที่ได้ประกาศต่อสื่อและสาธารณะอย่างชัดเจนว่าจะจับมือร่วมกันคัดค้านอย่างถึงที่สุด จนกว่ารัฐบาลจะสั่ง “ยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและกระบี่ “ อย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้น ถึงจะยอมเดินทางกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะขอใช้พื้นที่ข้างทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงออกต่อเรื่องนี้กับรัฐบาลสงบ สันติ และอหิงสา อย่างไม่มีกำหนดภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ และพร้อมกันนี้เราจะยกระดับการเคลื่อนไหวโดยใช้ยุทธวิธี “อารยะขัดขืนขั้นสูงสุดที่มนุษย์จะพึงกระทำ” เพื่อยืนยันถึงความตั้งมั่นที่จะให้รัฐบาลได้เข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ตามคำเรียกร้องต่อไป”
เครือข่าย ระบุอีกด้วยว่า ขอให้ประชาชนทั่วไปตลอดถึงภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมทุกกลุ่มองค์กร ตลอดถึงเครือข่ายนักวิชาการ สื่อทางเลือก ศิลปิน และสื่อมวลชนได้ร่วมกันเปล่งประกาศสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพี่น้องเทพาและกระบี่ ให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่มุ่งหวังไว้ เพราะเราเชื่อว่า “เพียงการมีชีวิตอยู่คงไม่เพียงพอ หากแต่จะต้องมีอากาศที่บริสุทธิ์ และต้องมีอิสรภาพด้วย