ราชการไทยแก้ไขไม่ได้เลยหรือ
ความล้มเหลวของคำสั่ง คสช. ที่ 21/2560 เรื่อง ห้ามหน่วยราชการเรียกสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร และสำเนาเอกสารราชการอื่นๆ จากประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการ แต่มีหน่วยงานเพียงร้อยละ 2.37 เท่านั้นที่สามารถปฏิบัติได้ ขณะที่อีกร้อยละ 44.71 ทำได้บางส่วนและร้อยละ 52.94 ไม่สามารถปฏิบัติได้เลยหลังจากประกาศคำสั่งไปตั้งแต่ 4 เมษายน 2560 หรือ 9 เดือนที่แล้ว
มีคำอธิบายว่า เป็นเพราะรัฐบาลไม่จริงจัง สักแต่ว่าสั่ง ไม่ติดตามให้เกิดผลสำเร็จ ข้าราชการจำนวนมากก็คิดแต่ว่าตนเป็นนายไม่ใช่ผู้รับใช้ให้บริการ เลยเห็นความเดือดร้อนยุ่งยากของชาวบ้านเป็นเรื่องธรรมดา บางคนทำงานจนชินไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรหรือบางทีวิธีใหม่ๆ ก็อาจทำให้เขาเสียประโยชน์ เสียรายได้ไป บ้างก็กลัวว่าทำแล้วจะยุ่งยากหรือเกิดความผิดพลาดจนมีปัญหาถูกร้องเรียน สู้ไม่ทำเสียดีกว่า เลยอ้างโน่นโทษนี่ดึงเรื่องไปก่อนเพราะอีกไม่ช้าก็เปลี่ยนแปลงรัฐบาลแล้ว จะไปทำให้มากเรื่องทำไม
หน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามก็ไม่ใส่ใจ กฎหมายปฏิบัติไม่ได้หรือติดขัดอะไรก็นิ่งเฉยไม่รายงานไม่เร่งแก้ไข ยิ่งตอนนี้รัฐบาลหนุนหลังข้าราชการทุกเรื่องการเข้มงวดลงโทษจึงไม่ต้องเกรงกลัว สรุปไปเลยว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบที่ออกกฎหมายมาแล้วปฏิบัติไม่ได้
แต่วันนี้เรามาทบทวนกันดีไหมว่า ‘ถ้าหวังพึ่งแต่นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีอีกไม่กี่คน มันจะทำอะไรได้สักแค่ไหน แล้ว 20 กระทรวงกับข้าราชการอีกสองล้านกว่าคนที่มีอยู่ไม่ต้องร่วมกันรับผิดชอบประเทศนี้เลยหรืออย่างไร’
มาคิดดีมองบวกให้มากขึ้น มาตรการเพื่อประชาชนเช่นนี้หากสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ทั้งชาวบ้านและคนทำมาค้าขายจะได้รับความสะดวก ลดภาระลดความกังวล เอาเวลาไปทำมาหากินหรือดูแลครอบครัวได้มากขึ้น ข้าราชการก็ทำงานง่ายไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารกองโต มาตรการใหม่นี้ยังเป็นการบังคับให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีทำงาน ขั้นตอนระบบงานต่างๆ ต้องเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจนและเชื่อมโยงถึงกัน เครื่องมือและเทคโนโลยีก็ต้องพัฒนาให้ทันสมัย ซึ่งหมายถึงวันข้างหน้าหากต้องการยกระดับปรับปรุงหรือพัฒนาเรื่องอื่นๆ อีกก็จะทำง่ายขึ้น สรุปแล้วเป็นผลดีกับทุกคน
เรามักพูดถึงคนสิงคโปร์ ที่ช่วยกันเปลี่ยนเกาะเล็กๆ และขาดแคลนให้เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ในเวลาไม่กี่สิบปี แซงไทยแซงคนทั้งเอเซีย จนใครๆ ก็ยอมรับในความขยัน ชาตินิยมและมีวินัย แต่ดูแล้วคนของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากไปกว่าคนไทยมิใช่หรือ
หันมองบ้านเรา พอมีปัญหาอะไรมันแก้ยากเพราะเราปฏิบัติต่อกันอย่างขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ มุ่งจับผิดหาเรื่องจนคนเก่งคนดีต่างกลัวไปหมด ครั้นออกกฎหมายใหม่มาบังคับก็ไม่เข้มงวดไม่เป็นธรรมหรือมองข้ามผลประโยชน์ส่วนรวม อย่างนี้กฎหมายก็ติดขัดกลายเป็นปัญหาอีก
วันนี้ดิจิตอลกำลังเขย่าโลก คนไทยกำลังต้องการปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปการต่อต้านคอร์รัปชัน ดังนั้นน่าจะเป็นเวลาที่ทุกคนเอาสิ่งที่มีในตัวมาสร้างประเทศ รัฐบาลทำงานให้เกาะติดมากขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐเลิกลอยตัวแล้วมาช่วยกันเป็นมดงาน ประชาชนก็มาช่วยคิด ตรวจสอบและเสนอแนะว่าอะไรดี ใครจะจับผิดวิพากษ์วิจารณ์ก็ทำแต่พอควร
เพราะสังคมที่มีความรักความอบอุ่น ทุกคนต้องช่วยเหลือและเห็นอกเห็นใจกัน
บทความนี้ผู้เขียนขอขอบคุณข้อคิดเห็นดีๆ จาก ท่านอาจารย์วิชา มหาคุณ คุณประยงค์ ปรียาจิตต์ คุณไชยณัฐ เจติยานุวัตร และคุณช่อผกา วิริยานนท์
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)