เวทีเวิลด์ อีโค โนมิก ฟอรัม ผู้นำฝรั่งเศส ลั่นปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้ภายในปี ค.ศ.2021
ทรัมป์โชว์ 'America First' บนเวทีการประชุมเวิลด์ อีโค โนมิก ฟอรัม ลั่นสหรัฐจะไม่ยอมให้มีการค้าที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ผู้นำโลกแสดงวิสัยทัศน์ด้านพลังงาน ปธน.ฝรั่งเศส เล็งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้ภายในปี ค.ศ.2021 ด้านนายกฯ อินเดีย ชี้ทิศทางพลังงาน ภายในปี 2022 ตั้งเป้าที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากที่ใช้ 60 กิกะวัตต์ ในปี 2016 เป็น 175 กิกะวัตต์
เว็บไซต์ www.weforum.org รายงานความคืบหน้าการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจโลก หรือ “เวิลด์ อีโค โนมิก ฟอรัม” ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 23 - 26 มกราคม ซึ่งมีผู้นำระดับสูงจากภาครัฐบาล ผู้บริหารเอกชน นักวิชาการ NGO และสื่อมวลชนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม โดยทั่วโลกต่างจับตาการแสดงวิสัยทัศน์นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางเข้าร่วมงานในวันที่ 26 มกราคม หลังจากก่อนหน้านี้มีนโยบายถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส และล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี 30% สำหรับการนำเข้าแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell)
มีรายงานว่า ทันทีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาถึงได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ (https://twitter.com/realDonaldTrump?) และภาพการประชุมหารือแบบทวิภาคีกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนายพอล คากาเม ประธานาธิบดีสาธารณรัฐรวันดา
จากนั้นช่วงค่ำ ตามเวลาประเทศไทย นายโดนัล ทรัมป์ กล่าวปาฐกถาโดยเริ่มต้นกล่าวถึงแนวคิด American Dream ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เคยซบเซากลับมาเติบโตอีกครั้งหนึ่ง ทั้งตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมาก รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม หลังเข้ามารับตำแหน่ง
ขณะที่นโยบาย “America First” หรืออเมริกาต้องมาก่อน นายโดนัล ทรัมป์ กล่าวว่า เขาก็เหมือนผู้นำของประเทศอื่นๆ ที่ต้องยึดประโยชน์ของประเทศตัวเองก่อน แต่ America First ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาจะยึดประโยชน์ของตนเองจนต้องถูกโดดเดี่ยว เพราะเขาเชื่อว่า เมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจอเมริกาเติบโต โลกก็โตตามไปด้วยจะมีการสร้างงาน สร้างนวัตกรรม ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สำหรับประเด็นเรื่องการค้าโลกนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า สหรัฐจะไม่ยอมให้มีการค้าที่ไม่เป็นธรรม และที่ไม่สามารถเปิดการค้าเสรีสำหรับบางประเทศได้นั้น ด้วยเห็นว่า การสนับสนุนการค้าเสรีจะต้องเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย มิเช่นนั้นสุดท้ายแล้ว การค้าที่ไม่เป็นธรรมจะทำลายเราทุกคน เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรม โดยพฤติกรรมล่าเหยื่อแบบนี้ได้บิดเบือนกลไกตลาด ทำลายธุรกิจ แรงงาน ไม่ได้กระทบเพียงแต่ในสหรัฐฯเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วโลก นี่คือความจำเป็นในการที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ธุรกิจและแรงงานของเราเป็นหลัก
สำหรับผู้นำระดับสูงที่เข้าร่วมประชุมเวิลด์ อีโค โนมิก ฟอรัม และมีแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) อย่างเด่นชัด อาทิ
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศจะปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานถ่านหินให้ได้ภายในปี ค.ศ.2021 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า
ด้านนายหลิ่ว อี้ (Liu He) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุ จีนมีนโยบาย Blue Sky Again ตั้งเป้าลดการใช้ถ่านหิน 50% ในปี 2030 โดยเพิ่มโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ และใช้ก๊าซมากขึ้นปีละ 15% ซึ่งจะเป็นรูปธรรมที่จีนจะดำเนินการให้บรรลุข้อตกลงปารีส
ขณะที่นายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย ระบุถึงปัญหาหลักของโลกในขณะนี้ คือเรื่องสภาพภูมิอากาศ Climate Change การก่อการร้าย นโยบายชาตินิยม และการกีดกันทางการค้า สำหรับทิศทางพลังงาน ภายในปี 2022 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า อินเดีย ตั้งเป้าที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากที่ใช้ 60 กิกะวัตต์ ในปี 2016 เป็น 175 กิกะวัตต์ ใน 4 ปี
ด้านนายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า วันนี้โลกกับกำลังเจอซับไพรม์คาร์บอน (a subprime carbon asset bubble) ซึ่งต้องไม่มัวแต่ตั้งคำถาม หรือข้อสงสัย ‘Must we change? Can we change? Will we change? คำตอบเดียววันนี้คือเราต้องทำ และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนร่วมกัน