ห่างคลองไม่ถึง 2 ม. ผอ.เขตสายไหมแจงไม่ออกใบอนุญาต ‘บ้านมั่นคง’ - พอช.แก้แบบล่าช้า
ผอ.เขตสายไหม แจงปมออกคำสั่งห้ามเข้าใช้อาคาร ‘บ้านมั่นคง’ 40 คูหา หลังพบไม่ได้รับอนุญาต เหตุแบบก่อสร้างผิด -พอช.แก้ไขล่าช้า ขืนไม่ทำโดนฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่
สืบเนื่องจากสำนักงานเขตสายไหม ออกคำสั่งเลขที่ กท 7903/8812 เรื่อง ห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนใด ๆ ของอาคารหรือบริเวณอาคาร ตามมาตรา 40 (2) (กรณีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนอาคาร หรือเคลื่อนย้ายอาคารไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น) บังคับกับสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงเพิ่มทรัพย์สินสมบุญ จำกัด ริมคลองลาดพร้าว เนื่องจากก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 40 คูหา และเมื่อ 28 ธ.ค. 2560 ได้มีการปิดประกาศห้ามเข้าใช้อาคาร ตามคำสั่งข้างต้น หากฝ่าฝืนมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับวันละ 3 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน (อ่านประกอบ:เขตสายไหมปิดประกาศห้ามใช้อาคาร “บ้านมั่นคง” 40 คูหา ก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาต)
นางรัตนธร รัตนสกุล ผู้อำนวยการเขตสายไหม กล่าวชี้แจงกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ที่สำนักงานเขตสายไหม ถึงความจำเป็นต้องออกคำสั่งห้ามใช้อาคารว่า โครงการบ้านมั่นคงช่วยผู้มีรายได้น้อย เป็นโครงการตามนโยบายหลักของรัฐบาล ซึ่งสำนักงานเขตสายไหมสนับสนุนมาโดยตลอด แต่สาเหตุที่ติดปัญหาจนต้องออกคำสั่งห้ามใช้อาคารจำนวน 40 คูหา ของสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงเพิ่มทรัพย์สินสมบุญ จำกัด นั้น เนื่องจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ออกแบบก่อสร้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการออกใบอนุญาตล่าช้าเพราะ พอช. แก้ไขแบบก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ผู้อำนวยการเขตสายไหม กล่าวว่าถูกต้อง หากสำนักงานเขตสายไหมไม่ออกคำสั่งดังกล่าว ทั้งที่กฎหมายระบุว่า หากเจอสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องออกคำสั่งห้ามเข้าใช้ ผู้อำนวยการเขตจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นางรัตนธร ยังกล่าวอธิบายถึงกระบวนการก่อสร้างบ้านมั่นคงด้วยว่า มีมาตั้งแต่ต้นปี 2560 ซึ่งกฎหมายเดิมระบุให้ระยะร่นของคลองตามกฎหมายต้องอยู่ห่างเข้าไป 6 เมตร เพื่อขับเคลื่อนโครงการได้อย่างรวดเร็ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2560 เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ ซึ่งกำหนดให้ระยะร่นเหลือเพียง 2 เมตร และ พอช. จะต้องทำมาตรการสิ่งแวดล้อม โดยประกาศเมื่อ 10 ต.ค. 2560
“การออกแบบก่อสร้างนั้น เวลาวัดพื้นที่ที่มีบ้านตั้งอยู่กับพื้นที่ว่างเปล่า ทำให้ผลคลาดเคลื่อน สมมติ เช่าพื้นที่ 3 ไร่ มีความกว้างระหว่างเอกชนสุดคลอง สมมติ ในแบบก่อสร้างระบุ 15 เมตร แต่เมื่อวัดพื้นที่จริง กลับเหลือ 13 เมตร หรือ 12 เมตร แต่แบบก่อสร้างระบุ 15 เมตร ทำให้ขนาดไม่เท่ากัน เมื่อไม่เป็นไปตามกฎหมาย ต้องเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังไม่แล้วเสร็จ” ผู้อำนวยการเขตสายไหม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ของ พอช. จะเร่งแก้ไขแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จและส่งให้สำนักงานเขตสายไหมพิจารณาภายในวันที่ 17 ม.ค. 2561 ซึ่งจะใช้กระบวนการพิจารณา 2 วัน ก่อนจะสรุปเพื่อเสนอ และจัดพิมพ์ใบอนุญาตก่อสร้างต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาการแก้ไขแบบล่าช้าของพอช. เกิดจากบุคลากรไม่เพียงพอ และมีภาระงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ ผอ.สำนักงานเขตสายไหม ได้ขอความร่วมมือไปยังพอช. ให้จัดหาบุคลากรเพิ่มเติม แต่ไม่ได้รับความร่วมมือใด ๆ .